New Suzuki Ciaz GL Plus ลองขับรุ่นพิเศษ อัพเกรดในแบบซีดานอีโคคาร์!!

  • July 02, 2019

       เรียกได้ว่าเป็นเดินหน้ากระตุ้นตลาดรถในพิกัด “ซีดาน อีโคคาร์” ระลอกใหม่ของบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กับเปิดตัว New Suzuki Ciaz GL Plus ภายใต้คอนเซปต์ More To Discover Plus ที่ครบครันลงตัวขึ้น ทั้งฟังก์ชั่นและดีไซน์ ซึ่งนำเสนอความสปอร์ตมากขึ้นอีกระดับ พร้อมเชิญสื่อมวลชนร่วมพิสูจน์ความประหยัดสไตล์ “อีโคคาร์” และความสะดวกสบายในแบบฉบับ “รถซีดาน 4 ประตู” บนเส้นทางกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดเพชรบุรี

 

จุดเด่นยังอยูที่ความเป็นซีดานอีโคคาร์

       สำหรับ Suzuki Ciaz นี้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ด้วยการชูจุดเด่นเป็น ซีดาน อีโคคาร์ ระดับพรีเมี่ยม ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ความกว้างขวาง สะดวกสบาย ภายในห้องโดยสารเหนือระดับ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา นับตั้งแต่เปิดตัวการันตีความนิยมด้วยยอดขายรวมกว่า 37,000 คัน เพื่อเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและกระตุ้นตลาดรถอีโคคาร์ให้กลับมาคึกคัก บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงขอแนะนำ New Suzuki Ciaz GL Plus ซีดาน อีโคคาร์ ระดับพรีเมี่ยม ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความสดใหม่ และโดนใจในทุกรายละเอียดมากยิ่งขึ้น ชูความสปอร์ตเร้าใจและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในที่เหนือระดับ โดยมี 5 สีคือ สีขาว (Pure White Pearl) สีดำ (Super Black Pearl) สีเทาดำ (Mineral Gray Mettallic) สีเทา (Star Silver Metallic) และสีน้ำตาล (Dignity Brown Pearl Metallic)

 

เวอร์ชั่น GL Plus รุ่นพิเศษ อัพเกรดเครื่องเล่นวิทยุ กล้องมองหลัง และชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน

      ในเวอร์ชั่น New Suzuki Ciaz GL Plus ที่เห็นอยู่นี้ แม้จะไม่ได้เป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์ แต่ก็ได้รับการอัพเกรดขึ้นใหม่ โดยมีการติดตั้งเครื่องเล่นวิทยุ CD MP3 จอระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ USB พร้อมกล้องมองหลัง รูปลักษณ์ภายนอกตกแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน ซึ่งประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า, สเกิร์ตข้าง, สเกิร์ตหลัง และสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 เสริมด้วยความโดดเด่นจากอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น กระจังหน้าแบบโครเมี่ยม, ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ กระจกบังลมหน้าแบบสีตัดแสง และกระจกบังลมหลังพร้อมระบบไล่ฝ่าตลอดจนกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถปรับด้วยระบบไฟฟ้า

 

        ส่วนของภายในห้องโดยสารความกว้างขวางในห้องโดยสารถือเป็นจุดเด่นครับ ในรถพิกัดอีโคคาร์ แต่ในทุกตำแหน่งในห้องโดยสารก็ออกแบบมาให้นั่งได้สบายๆ  ช่องว่างระหว่างศีรษะยังเหลือพื้นที่อีกเยอะ ผมสูง174 ยังเหลือๆ ส่วนพื้นที่สำหรับวางเท้าทั้งในตอนหน้าและตอนหลัง นั่งขยับแข้งขยับขายืดเส้นยืดสายกันได้พอสมควร ที่วางแขนในเบาะหลังยังมีช่องวางขวดน้ำให้ 2 ตำแหน่งและสามารถพับเก็บได้

 

      สไตล์การตกแต่งยังคงเป็นสไตล์ของ Suzuki Ciaz ที่เน้นเรื่องความกว้างขวาง ตกแต่งด้วยวัสดุผ้า พร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน เช่น มาตรวัดความเร็ว, รอบเครื่องยนต์, ระบบน้ำมัน และอุณหภูมิน้ำยาหล่อเย็น ซึ่งจะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลที่สามารถแจ้งอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง, ค่าเฉลี่ยการใช้น้ำมันต่อระยะทาง, ระยะการเดินทาง และอุณหภูมิภายนอก ตลอดจนสัญญาณไฟเตือนต่างๆ บนหน้าจอ อาทิ เตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย, ถุงลมนิรภัย, ในขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวก จะประกอบไปด้วย กุญแจรีโมทพร้อมไฟกะพริบตอบรับ, กระจกไฟฟ้าฝั่งคนขับปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติ ตามด้วยระบบความบันเทิงจากเครื่องเล่นวิทยุ CD  MP3 จอระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ USB สามารถเชื่อมต่อเพลงผ่านบลูทูธได้สูงสุดพร้อมกัน 5 เครื่อง พร้อมกล้องมองหลัง ช่วยยกระดับความมั่นใจขณะถอยรถ พร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง และเสาอากาศแบบฝังกระจกหลัง รวมถึงฟังก์ชั่นที่เอื้ออำนวยให้ใช้งานได้อย่างง่ายดายจากระบบเซ็นทรัลล็อค พร้อมปุ่มควบคุมบริเวณคนขับ, ที่เปิดฝาท้ายรถแบบไฟฟ้า ซึ่งมากับไฟส่องสว่างห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ

เครื่องยนต์กำลังดี ช่วงล่างมีความเฟิร์ม

          จากจุดสตาร์ทที่กรุงเทพฯ ณ โพธาลัย เลเชอร์ ปาร์ค บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม ย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา ผมได้ประจำการใน New Suzuki Ciaz GL Plus สีดำ Super Black Pearl คู่กับสื่อมวลชนรุ่นใหญ่อีก 2 ท่าน เพื่อมุ่งหน้าสู่ถนนพระราม 2 อันคุ้นเคยในการเดินทางสู่ภาคใต้ ที่สามารถใช้งานได้ทั้งความเร็วต่ำและความเร็วสูง เสมือนการใช้งานในชีวิตประจำวัน จุดหมายแรกคือที่ “ปั๊มเอสโซ่วัฒนา-วังมะนาว” แห่งใหม่ และเดินทางย้อนกลับมายังอำเภออัมพวา ในจังหวัดสมุทรสงคราม แหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงครึกครื้นด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่อรับประทานอาหารมื้อกลางวันกันริมน้ำที่ “รัญจวน อัมพวา” ร้านอาหารไทยพื้นบ้านบรรยากาศอบอุ่นริมเขื่อนอัมพวา และเข้าโหมดการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์กันต่อ โดยเริ่มจาก “อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือ อุทยาน ร.2” ต่อด้วยการทำบุญไหว้พระ และตามรอยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกันที่ “ค่ายบางกุ้ง (วัดบางกุ้ง)”

       ในโหมดการขับ New Suzuki Ciaz GL Plus ยังคงมากับ “สมรรถนะ” อันยอดเยี่ยม ด้วยเครื่องยนต์รหัส K12B ขนาด 1.25 ลิตร แบบ 4 สูบ 6 วาล์ว ซึ่งให้พละกำลังสูงสุด 91 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ CVT และการควบคุมที่เฉียบคมด้วยระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนี่ยน น้ำหนักพวงมาลัยสปอร์ตแบบ 3 ก้าน ปรับระดับสูง-ต่ำได้ อยู่ในเกณฑ์ดีครับ แม้ไม่มีปุ่มมัลติฟังก์ชั่นสำหรับควบคุมเครื่องเล่น ปุ่มรับสาย-วางสาย และสั่งการด้วยเสียงมาให้ แต่ก็ยังถือว่าใช้งานได้สะดวก ที่เรือนไมล์ยังมีจอแสดงวัดรอบ ความเร็ว ระดับน้ำมัน ระดับความร้อน ตรงช่องกลาง สามารถเลือกดูทริป A B และค่าเฉลี่ยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้

 

         ส่วนเรื่องของช่วงล่างมีความเฟิร์ม หนึบ ทรงตัวดี จากระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันตรัท พร้อมคอยล์สปริง และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง ไปจนถึงความมั่นใจจากระบบดิสก์เบรกด้านหน้า และดรัมเบรกด้านหลัง โดยรวมในเรื่องการเกาะถนน ถือว่าทำได้โดดเด่นครับถ้าเทียบกับคู่แข่งในรถพิกัดแบบอีโคคาร์

        ปิดท้ายข้อมูลตัวรถที่โครงสร้างตัวถังที่มาพร้อมคานกันกระแทกด้านข้าง, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ทำงานร่วมกับพวงมาลัยแบบยุบตัว และเข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ ELR 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติ และปรับระดับสูง-ต่ำได้ โดยมีด้านหลังเป็นแบบ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง และ 2 จุด 1 ตำแหน่ง เสริมด้วยระบบล็อคนิรภัยป้องกันเด็กเปิดประตูหลัง, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBD, ระบบช่วยเบรก BA ตลอดจนระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer, ระบบเตือนภัย Security Alarm และชุดซ่อมยางฉุกเฉิน โดยรวมอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานที่จำเป็น ยังมีมาให้ครบถ้วนในโฉม New Suzuki Ciaz GL Plus ครับ

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

      สำหรับ Suzuki Ciaz อย่างที่รู้ๆกันครับ จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์อีโคคาร์ซีดาน และถือว่าเป็นรถยนต์อีโคคาร์ซีดานที่มีขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ถ้าเทียบกับรถยนต์ในกลุ่มเดียวกัน ในเวอร์ชั่น New Suzuki Ciaz GL Plus เป็นเวอร์ชั่นรุ่นพิเศษครับ ยังไม่ได้เป็นการไมเนอร์เชนจ์ โดยรวมของทางด้านหน้า ด้านข้าง ด้านท้าย ก็ยังดูไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย แต่ก็ดูลงตัวขึ้นด้วยสปอยเลอร์รอบคันที่ติดตั้งมาทำให้รถดูโฉบเฉี่ยวทันสมัยขึ้น แม้จะไม่มีล้อแม็กมาให้เหมือนในรุ่นของ GLX และ RS รุ่นเวอร์ชั่นก่อนหน้า

       เครื่องยนต์ยังเป็นบล็อคเดิม รหัส K12B ครับ ไม่มีการปรับ หรือ เปลี่ยนอะไร แต่ในเรื่องการทำความเร็ว การเร่งแซง เครื่องยนต์ยังให้กำลังเหลือเฟือ แซงได้ค่อนข้างมั่นใจ ไม่ได้อืดอย่างที่คิด ฟีลลิ่งในการขับขี่ ที่ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง New Suzuki Ciaz GL Plus ช่วงล่างเซ็ตมาค่อนข้างพอดี หนึบแต่ไม่นิ่มยวบยาบและไม่แข็งกระด้างจนเกินไปยังทำได้ดี การเข้าโค้งที่ความเร็วประมาณ 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถือว่าเอารถอยู่ครับ ไม่มีอาการหลุดหรือปัดให้เห็น

      ส่วนในเรื่องการเก็บเสียงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ที่สำคัญจากการทดสอบวิ่งบนเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดเพชรบุรี ผู้โดยสารและคนขับรวม 3 คน พร้อมสัมภาระ ลองจับวัดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยคร่าวๆ ดู ได้อยู่ที่ประมาณ 14 กิโลเมตร/ลิตร ถือว่า Suzuki Ciaz GL Plus เป็นรถที่ประหยัดน้ำมันใช้ได้เลยทีเดียว

       สรุปโดยรวม Suzuki Ciaz รุ่นพิเศษ GL Plus ยังน่าสนใจครับ ในแง่ของกายภาพรถที่เป็นรถยนต์ที่เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไป ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น รูปทรงที่ดูโฉบเฉี่ยวสวยงามลงตัว ความกว้างขวางของภายใน ถึงแม้จะเป็นเครื่องยนต์เล็กแบบ 1.25 ลิตร แต่ก็สามารถขับขี่ได้ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด และในเรื่องราคาค่าตัวที่เป็นราคาไม่เหนื่อยเกินไปสำหรับยุคสมัยและเศรษฐกิจแบบนี้ เพราะใครๆ ที่สนใจเล็ง Suzuki Ciaz โฉม GL Plus นี้ไว้ก็เพิ่มควักเงินในกระเป๋าเพิ่มมาแค่  9,000 บาท จาก Ciaz ในตัว GL CVT ราคา 559,000 บาท แต่ได้อัพเกรดเครื่องเล่นวิทยุ กล้องมองหลัง และชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคันเสร็จสรรพเรียบร้อยจากโรงงานครับ….

 

ราคาจำหน่าย

New Suzuki Ciaz GL Plus 568,000 บาท