นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมการทำความรู้จักและทำการขับทดสอบ ที่ต้องขอบอกว่างานลักษณะแบบนี้ ไม่ได้มีบ่อยๆ ในประเทศไทย เพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้เห็นทุกแง่ทุกมุมของเทคโนโลยีในรถที่เป็นโมเดลใหม่ เหมือนการลองสัมผัสจริงก่อนเปิดตัวกับ ALL-NEW MAZDA3 กับงานที่มีชื่อว่าMazda Thailand Sneak Preview... ที่ทีมงานมาสด้าเลือกใช้สนามทดสอบและศูนย์วิจัยของยางรถยนต์โยโกฮามา ที่จังหวัดระยอง สำหรับลองสมรรถนะของการขับขี่ และการให้ลองขับเปรียบเทียบระหว่างมาสด้า3 รุ่นปัจจุบันกับโมเดลเจเนอเรชั่นรุ่นที่กำลังรอการเปิดตัวในช่วงปลายเดือนกันยายนทีจะถึงนี้ครับ
พูดถึงในส่วนของ มาสด้า3 จัดเป็นรถที่มีความชัดเจน ในคาแรคเตอร์ที่เป็นตัวของตัวเองชัดเจนในเรื่องความสปอร์ต ตั้งแต่ในรุ่นเจเนอเรชั่นแรกจนถึงเจเนอเรชั่นที่ 3 และถือเป็นหนึ่งในโมเดลที่มาสด้าภาคภูมิใจในยอดขายและการทำตลาด และนับว่ามีข่าวออกมาเป็นระยะๆ กับมาสด้า3 ใหม่ (ALL-NEW MAZDA3) ที่ในในตลาดโลกมีการเปิดตัวเผยโฉมที่งาน LA Auto Show 2018 และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในงาน "โตเกียว ออโต้ ซาลอน 2019" ที่ประเทศญี่ปุ่น
ปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งคัน แต่ยังคงแนวคิด Kodo Design
แม้กำหนดการเปิดตัวมาสด้า3 ใหม่ ในประเทศไทยนั้นถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็จะเป็นช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ดังนั้น ในงานนี้เรื่องรายละเอียดของตัวรถ สเปกเครื่องยนต์ หรือรุ่นย่อยต่างๆ รวมถึงราคาจำหน่ายทางมาสด้าจะยังไม่เปิดเผย แต่เรื่องดีไซน์การออกแบบทางทีมออกแบบของมาสด้าจากญี่ปุ่นให้ข้อมูลว่า มีคอนเซปต์ดีไซน์ภายนอกของ All new Mazda3 2019 ทั้งในแบบ 5 ประตู แฮทช์แบ็ก และ 4 ประตู ซีดาน ว่ามีแนวคิดสรุปการออกแบบ 4 ข้อ คือ 1. ทุกวันจะสดใส 2. หลงรักแต่แรกเห็น 3. ขับขี่ดี 4. มีความปลอดภัย
ข้อมูลในการออกแบบที่ทำให้เห็นถึงความตั้งใจของเหล่าวิศวกรมาสด้า กับการใส่ใจในเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รวมถึงวิธีการคิดลดข้อด้อยของรถยนต์ และทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบโดยอาศัยหลักการจากเรื่องของร่างกายของมนุษย์ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่ถูกต้องและถูกทางในการใช้แนวคิดพัฒนาระบบต่างๆ ของรถยนต์
การออกแบบภายนอกสร้างความโดดเด่นด้วยการดีไซน์ที่ดูสปอร์ต ล้ำสมัยตามสไตล์ของมาสด้า ดวงตาหรือไฟหน้าของ All new Mazda3 2019 ยังดูคงเดิมครับ แต่มีความเรียวแคบมากขึ้น มุมมองท้ายรถมีความต่อเนื่องมากขึ้น ด้วยการลดตำแหน่งกรอบป้ายทะเบียนไปไว้ที่กันชน ซึ่งโดยรวมเป็นการถอดดีไซน์จาก Mazda Vision Coupe Concept สำหรับตัวถัง 4 ประตู ซีดาน และ ตัวถังแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ที่ปรับมาจาก Mazda ในเวอร์ชั่น Kai Concept โดยเน้นแนวคิดการออกแบบบุคลิกที่แตกต่าง ในการออกแบบทั้ง 2 รุ่น แต่รูปทรงดูเรียบง่าย ให้แสงที่สวยงามมีชีวิตชีวา การเคลื่อนในแนวเดียวมีชีวิตชีวาผ่านการสะท้อนที่สง่างามในเซ็กเมนต์ซีดาน ส่วนโฉมแฮทช์แบ็กเน้นแตกต่างกันสิ้นเชิงของอารมณ์และความรู้สึก ความคมชัดของเส้นจะหายไปเหมือนเป็นการขัดเกลาพื้นผิวตัวถัง ที่ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวแสดงมิติและแสงเงานุ่มนวลสบายตา สื่อถึงความหรูหราแทนการใช้เส้นคมซับซ้อน มิติตัวถังโดยรวมแม้จะดูไม่แตกต่างจากรุ่นเดิม แต่ทว่าเมื่อดูในรายละเอียดรูปทรงจะเห็นว่าแตกต่าง ทั้งในส่วน ของกระจังหน้า การไม่มีไฟตัดหมอก หรือไฟท้ายที่ดีไซน์ใหม่
ส่วนโครงสร้างตัวถังภายในมีการปรับใหม่ ลดจำนวนรูที่เจาะตัวถังให้น้อยที่สุด ช่วยให้เสียงดังรบกวนเข้ามาได้น้อยลง พร้อมกับเพิ่มจุดลดเสียงสะท้อนของโครงสร้างตัวถังส่วนต่างๆ และเสริมวัสดุดูดซับเสียงและฉนวนที่ตัวถังมากขึ้นครับ ขณะที่ระยะฐานล้อยาวกว่าเดิม 25 มิลลิเมตร ความสูงโดยรวม เตี้ยลงกว่าเดิมราว 20 มิลลิเมตร และความกว้างช่วงล้อ กว้างกว่าเดิม หน้า 15 มิลลิเมตร หลัง 20 มิลลิเมตร และใช้แพลตฟอร์มใหม่ เทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE เพื่อการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบเป็นธรรมชาติ ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ตำแหน่งเบาะนั่งจุดศูนย์ถ่วงต่ำวางอยู่กลางตัวรถมากที่สุด
ห้องโดยสารเรียบหรูและล้ำ เน้นแนวคิด “น้อยแต่มาก”
เรื่องดีไซน์ห้องโดยสาร All new Mazda3 2019 เน้นแนวคิด “น้อยแต่มาก” คือเรียบง่าย และคำนึงถึงผู้โดยสาร (รวมถึงผู้ขับขี่) “เป็นจุดศูนย์กลาง” เน้นความเงียบในการเดินทางด้วยโครงสร้างตัวถังรถผนังแบบแซนด์วิช 2 ชั้น ซึ่งจะมีฉนวนกันเสียงทำจากไฟเบอร์โดยไม่เพิ่มน้ำหนักให้กับตัวรถ เพื่อลดเสียงรบกวนจากพื้นถนน ไปจนถึงแผงบุหลังคาห้องโดยสาร รวมถึงแรงสั่นสะเทือนจากระบบกันสะเทือนก็ถูกตัดทอนจากการออกแบบให้รบกวนผู้โดยสารน้อยที่สุด
สำหรับการออกแบบภายใน ทางมาสด้าตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปครับ การจัดวางอุปกรณ์รอบๆ หันไปทางผู้ขับ สะอาด สบายตา การออกแบบภายในห้องโดยสารคำนึงถึงแนวคิดในการใช้งานที่เป็นมิตรต่อสรีระร่างกายมนุษย์ แผงหน้าปัดเน้นความกว้างด้วยเส้นแนวนอนเล่นระดับ จัดวางค่อนข้างต่ำเพื่อเปิดมุมมองด้านหน้า เบาะหุ้มด้วยผ้าทออย่างดีเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มีสองโทนสีคือ เทาอ่อน และโทนเบจ
การปรับตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ ให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและง่ายขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพดีขึ้นอย่างชนิดที่จับแล้วรู้สึกได้ทันที เครื่องเสียงย้ายตำแหน่งที่ติดตั้งโดยคำนึงถึงทิศทางของเสียง โดยแบ่งลำโพง 12 ตำแหน่ง จาก BOSE ส่วนในรุ่นมาตรฐานจะเป็นลำโพงฮาโมนิค อะคูสติก 8 จุดโดยรวมภายในห้องโดยสารดูดีทั้งทางสายตาและรู้สึกดีเมื่อได้สัมผัส เมื่อเปรียบเทียบกับมาสด้ารุ่นปัจจุบัน
ส่วนด้านเทคโนโลยียังคงความทันสมัยในห้องโดยสาร ติดตั้งจอแสดงผลขนาด 8.8 นิ้ว ที่กลายเป็นแผงควบคุม Soft Touch แบบรวมศูนย์ มี Mazda Connect ตลอดจนถึงระบบความปลอดภัย I-ACTIVESENSE และใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ I-ACTIV AWD ทำงานร่วมกับระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) เวอร์ชั่นล่าสุด เพื่อให้การบังคับควบคุมในสภาวะวิกฤตเป็นไปอย่างมั่นใจ อย่างเช่น การหักหลบที่ความเร็วสูงบนถนนที่ลื่น
ใช้สนามทดสอบยางรถยนต์โยโกฮามา ลองขับเปรียบเทียบมาสด้า3 รุ่นใหม่กับรุ่นปัจจุบัน
ในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ ทางมาสด้าผู้จัดงานก็ได้มีการให้ลองขับเปรียบเทียบระหว่างมาสด้า3 รุ่นใหม่กับรุ่นปัจจุบัน ซึ่งในมาสด้า3 เจเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งทางทีมงานมาสด้าแบ่งเป็น 2 สถานีให้ทดสอบครับ โดยจะให้ลองขับมาสด้า3 รุ่นใหม่และรุ่นปัจจุบันสลับกันอย่างละหนึ่งรอบ ในแต่ละสถานี
โดยในสถานีแรก (Handling Track) มีการให้ลองขับตามเส้นทางในสนาม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นทางโค้ง และมีการจำกัดความเร็วตามป้ายกำหนด เพื่อดูทั้งในเรื่องเสียงของเครื่องยนต์ที่เข้ามาในห้องโดยสาร การเก็บเสียงของสิ่งรบกวนจากภายนอก รวมถึงความรู้สึกในการควบคุมที่สัมผัสได้จากพวงมาลัย และการทำงานของช่วงล่างว่าสามารถที่จะควบคุมคอนโทรลรถได้ง่ายกว่ามาสด้า3 รุ่นปัจจุบันมากน้อยแค่ไหน
ส่วนในสถานีที่ 2 (Multipurpose Track) จะมีรูปแบบในการขับขี่ที่มีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย ทั้งการลองอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง 0-100 กม. เพื่อทดลองในเรื่องของอัตราเร่งและพลังของการขับขี่ และเปรียบเทียบการทำงานของเครื่องยนต์ จากนั้นก็ถึงจุดการชลอความเร็วแบบการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งจุดนี้จะให้ลองจับความรู้สึกต่อการตอบสนองการทำงานของระบบเบรก โดยไม่ได้เน้นให้เบรกหนักจนหยุดนิ่งแบบกะทันหัน และปิดท้าย กับการสลาลมด้วยความเร็วที่กำหนดไว้ที่ 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อทดสอบในเรื่องของอาการโยนตัวและอาการเอียงของตัวรถ รวมถึงการบังคับควบคุมรถเปรียบเทียบระหว่างมาสด้า3 รุ่นใหม่กับรุ่นปัจจุบัน
***สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv G ขนาด 2.0 ลิตร ตัวเดิม แต่ได้รับการอัพเกรดขึ้น ปรับปรุงแรงบิดมากกว่าเดิม ลดปริมาณไอเสียให้น้อยลง ส่วนพิกัดกำลังและสเปกต่างๆ ยังไม่มีการเปิดเผยในเวลานี้
AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI
ชัดเจนครับว่าการออกแบบทั้งภายนอกและภายในมาสด้า3 รุ่นใหม่รุ่นนี้มีความสด สวย และมีการแก้ไขจุดด้อยต่างๆ รวมถึงการพัฒนารายละเอียดต่างๆ เพิ่มขึ้นจากรุ่นปัจจุบันไปค่อนข้างเยอะทีเดียว
ส่วนตัวผมเอง มาสด้า3 ในรุ่นปัจจุบัน อะไรๆต่างๆ ของรถก็จัดว่าดีอยู่แล้ว แต่ในรุ่นใหม่นั้นกลับสามารถทำได้ดีกว่าแบบผิดหูผิดตา ทั้งนี้ ใครที่เคยชื่นชอบหรือเป็นแฟนของมาสด้า3 ถ้าได้มาสัมผัสกับมาสด้า3 รุ่นใหม่นี้ ก็น่าจะชื่นชอบหรือหลงรักมันมากขึ้น เนื่องจากความประณีต ความใส่ใจ และความลงตัวต่างๆ ที่ทางมาสด้าบรรจงใส่เข้ามา
ในโหมดการทดลองขับ เปรียบเทียบในสนามทดสอบยางรถยนต์โยโกฮามา ที่จังหวัดระยอง ในเรื่องอัตราเร่งสำหรับคนที่ชอบสมรรถนะการขับขี่ที่สุภาพ นิ่มนวล และมีการควบคุมรวมถึงการทรงตัวที่มาพร้อมความมั่นใจ มากกว่าอยากได้รถยนต์แนวแรงๆ แบบวัยรุ่นน่าจะถูกใจกับฟีลลิ่งการขับของเจ้ามาสด้า3 รุ่นใหม่นี้ ที่ตอบโจทย์ความต้องการแบบนี้ได้อย่างเต็มที่
แม้เท่าที่ทราบข้อมูลเบื้องต้นของระบบเครื่องยนต์และเกียร์จะยังคงเป็นของรุ่นปัจจุบัน สเปกเครื่องยนต์ตัวเดิม 2.0 เกียร์เดิม ออโต้ 6 สปีด ท็อปสปีด วิ่ง 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง 165 แรงม้า ที่มีการโมดิฟายอัพเกรดปรับปรุงใหม่ให้เนียนและดีขึ้นเท่านั้น ส่วนการโคลงตัวของรถนั้นน้อยลงอย่างชัดเจนครับ จากการปรับปรุงช่วงล่างด้านหลังใหม่ หันมาใช้ระบบทอร์ชันบีม โดยเฉพาะการเบรกรู้สึกมั่นใจขึ้นกว่าเดิม ยิ่งเมื่อขับเปรียบเทียบกันแบบนี้ยิ่งจับความรู้สึกได้ชัด
โดนใจเต็มๆ อีกเรื่องคือ การตกแต่งภายใน สวยงามและดูหรูหรา ไม่น้อยหน้ารถแบรนด์ยุโรป รวมถึงคุณภาพของวัสดุที่นำมาใช้ ผิวสัมผัสเกรดดี ให้ความรู้สึกว่าดูตั้งใจทำและมีความประณีตมาก รวมทั้งคุณภาพของเครื่องเสียงติดรถ ที่คุณภาพเสียงละเอียดดี ยังกะโฮมเธียร์เตอร์ที่บ้าน โดยภาพรวมแล้ว มาสด้า3 ใหม่ ถือว่าพัฒนาขึ้นมาได้อย่างน่าประทับใจ รอเพียงค่ายมาสด้า เปิดผ้าคลุมและราคาขายอย่างเป็นทางการเดือนกันยายน 2562 วันนั้นน่าจะได้ไปทดลองขับรีดพลังกันอย่างจริงจัง..จะมาเล่าให้ฟังกันอีกทีครับ