บนเส้นทางการขับผ่านอุทยานแห่งชาติทั้งสามแห่งในเขตจังหวัดภูเก็ตและพังงา เลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน ผมมีโอกาสได้ไปร่วมพิสูจน์สมรรถนะของเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตร ใหม่ และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงจากนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี กับดีไซน์ที่ทันสมัยขึ้น แต่ยังมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางสะดวกสบาย และถือว่าเป็นรถยนต์ในกระแสที่กำลังร้อนแรงมากๆ สำหรับ All-New Nissan Almera 2020 คันนี้
หลังจากทางนิสสันชิงเปิดตัวรถในช่วงปลายปี 2562 เพื่อประเดิมศักราชความร้อนแรงของรถเซ็กเมนท์ อีโคคาร์ กลุ่มรถเล็กเน้นความประหยัด แต่อย่างไรก็ดี งานนี้ไม่ง่ายเพราะคู่แข่งต่างค่ายในตลาดรถพิกัดนี้ เริ่มตั้งแต่ Toyota Yaris Ativ และ Hatchback และมิตซูบิชิที่เพิ่งไมเนอร์เชนจ์ Mitsubishi Mirage และ Attrage รวมถึง Mazda2 ไมเนอร์เชนจ์ รวมทั้ง Honda City ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบขนาดเดียวกัน
สัดส่วนสวยขึ้น..ลงตัวกว่ารุ่นเก่า
อันที่จริงแล้วปัจจุบันนิสสันมีรถอีโคคาร์ถึง 3 รุ่น คือ มาร์ช, อัลเมร่า, โน๊ต ซึ่งรุ่นยอดนิยมที่เป็นหน้าเป็นตามียอดขายต่อเดือนเกิน 1 พันคัน ก็คือ Nissan Almera และเป็นรถยนต์รุ่นที่ทางนิสสันตั้งใจปั้นให้มาช่วยฉุดสถานการณ์ด้านยอดขายให้ฟื้นคืนกลับมาภายใต้การออกแบบใหม่ ดีไซน์ให้มิติภายนอกปราดเปรียวขึ้น กว้างและยาวขึ้น ภายใต้ปรัชญาในการสร้างสรรค์รถยนต์ของนิสสันแบบ “รูปทรงเรขาคณิตที่สื่อถึงอารมณ์ หรือ Emotional Geometry”
การยกรูปแบบการดีไซน์มาจากรุ่นพี่อย่าง Nissan Leaf และรถยนต์ Nissan รุ่นใหม่ๆ มาทำให้เจ้า Nissan Almera คันนี้สวย สปอร์ต และดูทันสมัยมากขึ้นถ้าเทียบกับรุ่นโมเดลเก่า มิติตัวถังรถยนต์กว้างขึ้นกว่ารุ่นเก่า 45 มม. ยาวขึ้น 70 มม. ระยะฐานล้อยาวขึ้น 20 มม. แต่ตัวถังมีความลาดเตี้ยลง 40 มม.
องค์ประกอบที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ คือ กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้าและไฟท้ายทรงบูมเมอแรง แนวเสาหลังคาหลังที่ถูกยกขึ้น และหลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof) เหลี่ยมสันของฝากระโปรงชัดเจนมากขึ้น รวมไปถึงชุดพาร์ทกันชนหน้าที่มีการเล่นระดับ ในส่วนด้านท้ายดูเต็มเป็นเหลี่ยมสันมัดกล้าม ชุดโคมไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED และชิ้นกันชนด้านล่างมาพร้อมลวดลายแบบเคฟล่าร์คาร์บอน เสริมด้วยดิฟฟิวเซอร์และไฟทับทิม ดูสวยงามและลงตัวกว่าในโฉมเก่า โดยสำหรับรุ่น TOP สุด VL Turbo จะมาพร้อมกระจังหน้า V-Motion ที่รมดำกว่ารุ่นอื่น และมีการติดตั้งไฟตัดหมอกแบบ LED มาให้อีกด้วย สำหรับล้อมาพร้อมล้อขนาด 15 นิ้ว ในทุกเกรด กระจกมองข้างย้ายมาติดตั้งบริเวณประตู ทำให้เพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็นได้ดีขึ้น
ภายในนั่งสบาย ดีไซน์ดูดีมีลูกเล่น
ห้องโดยสารเล่นสีทูโทนดำ-ขาว ให้ความสปอร์ต และห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ภายในของ นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ออกแบบใหม่ทั้งหมด หน้าจออินโฟเทนเมนท์ในแผงหน้าปัดใหม่ พวงมาลัยและที่นั่งผู้โดยสารแบบใหม่ ขณะที่พื้นที่ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบอย่างมีสไตล์ เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงเน้นความประณีตในการประกอบ
พวงมาลัยดีไซน์ใหม่แบบ 3 ก้านทรงสปอร์ต ท้ายตัดแบบ D-Shape มีระบบมัลติฟังก์ชั่นควบคุมเครื่องเสียงและปรับจอ TFT ได้ ส่วนจอทัชสกรีนกลางขนาด 8 นิ้ว เป็นอุปกรณ์ตกแต่งที่การใช้งานจริงสามารถแสดงผลทั้งกล้องมองรอบคันแบบ 360 องศา, Nissan Connect, Navigation และเชื่อมต่อ Apple Car Play ถัดลงมาจะพบระบบปรับอากาศซึ่งเป็นแบบ Auto 1 Zone
ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ย้ายมาบริเวณฐานเกียร์ หัวเกียร์ดีไซน์ใหม่ขนาดเล็กกำลังดี แผงแดชบอร์ดออกแบบสวยงาม วัสดุพลาสติกขึ้นรูปผสมกับชิ้นหนังแท้สีครีมเดินด้ายจริงที่มาแปะในส่วนกลางแดชบอร์ด เสริมให้รถดูหรู ส่วนเบาะนั่งเป็นผ้าทั้งหมด และไม่มีระบบปรับไฟฟ้ามาให้ เบาะมีการดีไซน์เป็นปีกมารับสรีระนั่งได้สบาย ออกแบบให้มีที่นั่งในรูปแบบ 2+2 หรือ โดยสารเต็มที่ 5 ที่นั่ง และมีพื้นที่ว่างเหนือศีรษะและพื้นที่วางขาที่กว้างขวางเมื่อเทียบกับรถยนต์ในระดับเดียวกัน
เครื่องใหม่เบนซิน 1.0 เทอร์โบ 100 ม้า ไม่เน้นซิ่ง เอาไว้วิ่งใช้งาน!!
เครื่องยนต์บล็อกเล็กพกเทอร์โบกลายเป็นเทรนด์ใหม่โลกวันนี้ และก้าวเข้ามาเพื่อทดแทนเครื่อง 1.5 ดั้งเดิม แม้กำลังแรงม้าอาจจะน้อยกว่า แต่แรงบิดของเครื่องยนต์มากกว่า ทำให้การตอบสนองดีกว่า ในแง่อัตราเร่ง หรือกำลังที่ต้องใช้ในการผ่านทางที่มีอุปสรรค รวมถึงลูกค้ายังไม่จำเป็นต้องลากรอบหนักๆ เพื่อให้ได้อัตรากำลังด้วย นับเป็นข้อดีของเครื่องยนต์บล็อกเล็กเทอร์โบ
หัวใจหลักซึ่งมาทำหน้าที่ขับเคลื่อนคือเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 3 สูบเรียง ขนาด 1.0 ลิตร รหัส HRA0 มอบกำลังสูงสุด 100 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 152 นิวตัน-เมตร ที่ 2,400 -4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ XTronic CVT พร้อม D-Step Logic ส่งกำลังขับเคลื่อนไปยังล้อคู่หน้า ให้อัตราประหยัดสูงสุด 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ด้านถังน้ำมันมีความจุ 35 ลิตร และรองรับการเติมน้ำมันได้สูงสุดที่ E20 ตามข้อมูลที่ทางนิสสันเคลมมา
ด้วยเส้นทางทดสอบที่ครอบคลุมระยะทางมากกว่า 250 กิโลเมตร เริ่มต้นที่ตัวเมืองภูเก็ต การขับขี่ในเมืองและการขับขี่ทางไกล ตลอดจนการทดสอบขับระหว่างจังหวัดภูเก็ตและพังงา เริ่มต้นโดยใช้เส้นทางมุ่งหน้าขึ้นทางเหนือของเกาะภูเก็ตเลียบชายฝั่งอันดามันที่สวยงามสู่เขาหลัก ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นจุดหมายด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ มีความเหมาะสมสำหรับการทดสอบการขับขี่
สมรรถนะของเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ บล็อกนี้ที่มีน้ำหนักเบาขึ้นแต่มีพละกำลังที่มากขึ้นครับ การทดสอบการขับขี่ทั้งบนทางหลวงที่แยกเป็น 2 ช่องทางจราจร และบนทางหลวงชนบทที่มีช่องทางจราจรสวนกันตลอดเส้นทางไปสภาพของเนินเขาต่างๆ เครื่องใหม่ขนาดเล็กลงแต่พ่วงโบที่มีดีเรื่องความประหยัด แต่การใช้งานในถนนที่เป็นทางขึ้นเขา รถอีโคคาร์แรงบิด 152 นิวตัน-เมตร ที่ 2,400 -4,000 รอบ/นาที ก็เอาชนะเนินที่มีความชันมากๆ ได้ แม้จะมีอาการกินกำลังเครื่องยนต์อยู่บ้าง
ถึงแม้ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำความเร็วตลอดทุกครั้งที่ออกเดินทาง แต่ในช่วงทางตรง ที่ได้ทดลองทำอัตราเร่งก็ดีขึ้นกว่ารุ่นเก่าอย่างเห็นได้ชัด ความสนุกสนานในการขับขี่มีมาพอตัว การขับในแบบที่คนปกติทั่วไปใช้งาน ขับอัตราเฉลี่ย100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ดีขับได้สบายๆ แม้โดยรวมคาแร็คเตอร์มันไม่ใช่รถที่เหมาะสำหรับจะออกตัวล้อฟรี ขับด้วยความเร็วอยู่ตลอด แต่จังหวะการเร่งแซงก็ทำได้แบบไม่ต้องลุ้น ในย่านความเร็วสูงระดับ 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็สามารถไต่ระดับไปได้ไม่เหนื่อย
การตอบสนองพวงมาลัยถือว่าทำได้ดีทีเดียว ผนวกกับระบบรองรับที่ถูกปรับแต่งให้มีความหนึบมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ช่วยให้ตัวรถมีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง ไม่โคลงมากเกินไป ภายใต้ช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ยางขนาด 195/65 R15 และตามมาตรฐานอีโคคาร์เฟส 2 มีการติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถมาในทุกรุ่นย่อย ส่วนด้านระบบเบรก หน้าเป็นแบบดิสก์เบรก หลังแบบดรัมเบรก ระยะฟรีของแป้นเบรกไม่ลึกมาก กดประมาณ 5-10 % ก็เริ่มทำงานแล้ว ถือว่าอยู่ในช่วงกำลังดี และใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายๆ และเวลาขับลงทางลาดชันมากๆ สามารถเปลี่ยนเกียร์ไปที่ L เพื่อให้ Engine Brake เข้ามาช่วย
จัดเต็มระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่
ในแง่การใช้รถสักคันทุกคนคงอยากได้ระบบความปลอดภัยมากขึ้น ข่าวดีโครงการอีโค่คาร์ 2 บังคับให้ผู้ผลิตต้องติดตั้งระบบความปลอดภัยพื้นฐานเพิ่มเติม 1 อย่าง คือระบบควบคุมการทรงตัว หรือ Electric Stability Control ช่วยให้รถไม่เสียการทรงตัวในกรณีเกิดการลื่นไถล
แต่จุดเด่นด้านตัวรถและเครื่องยนต์คงจะไม่มีประโยชน์ หากรถรุ่นนั้นๆ ขาดซึ่งระบบความปลอดภัยต่อผู้โดยสาร แต่ Nissan Almera คันนี้เป็นอีโคคาร์ที่ไม่น้อยหน้าเรื่องระบบความปลอดภัย กับระบบ Nissan Intelligent Mobility เช่น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ ทั้งคนเดินถนนและรถยนต์ด้านหน้า (มีติดตั้งในรุ่น EL V และ VL), ระบบกล้องมองภาพรอบคัน พร้อมระบบตรวจจับสิ่งเคลื่อนไหวใกล้ๆ ตัวรถ (มีติดตั้งในรุ่น V และ VL) ขณะที่ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบเตือนเมื่อมีรถแล่นมาด้านหลังขณะถอย (มีติดตั้งในรุ่น VL)
อุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานก็มีมาให้ ทั้ง ABS , EBD , BA , VDC นอกจากนี้ ในรุ่นท็อปสุดของ Nissan Almera ที่มีถุงลมนิรภัย 6 ลูก (คู่หน้า/ข้าง และม่านนิรภัย) มันยังมีระบบเตือนและเบรกป้องกันการชนทางด้านหน้า ระบบเตือนมุมอับสายตา, Rear Cross traffic Alert, รวมถึงกล้องมอง 360 องศา ซึ่งแน่นอนว่าของเหล่านี้คุณไม่เคยเห็นในรถพิกัดอีโคคาร์มาก่อน
AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI
การตอบรับและความนิยมของรถอีโคคาร์ซีดานรุ่นนี้ ย้อนดูได้ตั้งแต่รุ่นแรกที่ขายในเมืองไทยเมื่อปี 2011 ผ่านมากว่า 8 ปี Nissan Almera โมเดลเดิมยังคงทำตลาดขายได้อย่างต่อเนื่อง และทำให้ นิสสันรุ่นนี้ยังติดกลุ่มท็อป 3 รถอีโคคาร์มาจนถึงทุกวันนี้
ในเจเนเรชั่นที่ 2 Nissan Almera ยังเป็นอีโคคาร์ความหวังของหมู่บ้าน ที่ทางนิสสันเองก็เรียกว่าจัดเต็มออพชั่นทั้งเครื่องยนต์และระบบความปลอดภัยมาในราคาคุ้มค่าจับต้องได้ง่าย และเป็นการตัดสินใจของนิสสันที่เรียกว่าเดินทางมาถูกแล้ว แม้สภาพการณ์ของตลาดรถเล็กในช่วงเวลานี้ รถยนต์กลุ่ม B-Segment ที่ปรับตัวลงมาเล่นในกลุ่มอีโคคาร์ เฟส 2 จะ ร้อนแรงและมีความเคลื่อนไหวคึกคักมากๆ ทำให้ผู้สนใจมีตัวเลือกมากมายเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค
ส่วนคำถามเกี่ยวกับเครื่องเบนซินเทอร์โบ 1.0 ลิตร 100 แรงม้า ตัวนี้ว่าดีว่าแรงแค่ไหน ตอบให้เห็นภาพตามความเป็นจริง ถ้าคุณเดินทางไกลบ่อย เป็นนักขับบาทาโหดหรือสายแรง รถคันนี้คงไม่ใช่คำตอบ เพราะรถคันนี้มีคาแร็คเตอร์ไม่เน้นซิ่ง เน้นวิ่งใช้งาน ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน มากกว่า จากการได้ทดลองขับ ส่วนตัวเชื่อว่า รูปทรงที่ลงตัวขึ้นมาก ห้องโดยสารมีความทันสมัย กว้างขวาง ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือที่ให้มา รวมถึงการขับขี่สมรรถนะโดยรวม สำหรับ Nissan Almera ด้วยเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบในราคาไม่ถึง 5 แสนบาท ทำได้ดีพอที่จะเทียบเก๋ง 1.5 ลิตร ที่เคยนิยมได้ในงบฯ ที่สบายกระเป๋าสำหรับการซื้อรถยนต์สักคันครับ…
ราคา All-New Nissan Almera 2020
รุ่น S ราคา 499,000 บาท
รุ่น E ราคา 509,000 บาท
รุ่น EL ราคา 559,000 บาท
รุ่น V ราคา 599,000 บาท
รุ่น VL ราคา 639,000 บาท ***รุ่นที่ทำการทดสอบ