แม้จะเป็นรถแบบมินิ MPV แบบยกสูง แต่อาการท้ายรถเวลาเข้าโค้งเร็วแรง ก็เก็บอาการการทรงตัวของรถได้ดี ทั้งตัวรถทั้งหน้าและหลังได้ดี ช่วงล่าง ความสูงใต้ท้องที่มากกว่า Ertiga น่าจะทำให้เสถียรภาพแย่ลง แต่เอาเข้าจริงกลับมั่นคงกว่า เพราะมีการเปลี่ยนโช้ก สปริง และเหล็กกันโคลงหน้าที่เพิ่มขนาดขึ้นอีก 1 มม. ทำให้การโย้ตัวซ้าย-ขวาเวลาเปลี่ยนเลนน้อยลง การวิ่งทางไกลทำได้ดี
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน รถคันนี้ เปิดตัวแรงกับราคา 779,000 บาท เจาะตลาด Crossover ในแบบ 7 ที่นั่ง ด้วยดีไซน์สปอร์ต ซึ่ง Suzuki XL7 ได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานได้หลากหลายตามแบบฉบับของรถ Crossover ได้อย่างลงตัว เพื่อให้ทุกการขับขี่เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบในเส้นทางที่หลากหลาย มอบอิสระและตัวตนที่ชัดเจน มุ่งขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกความต้องการ โดดเด่นด้วยความคล่องตัว ทั้งการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง ซึ่งเข้ากับไลฟ์สไตล์ชีวิตยุคใหม่ที่
Mini MPV สปอร์ตมาดลุย แต่งครบจากโรงงาน
มิติของตัวรถถูกออกแบบให้มีความสูงขึ้นเพื่อให้สามารถเดินทางไปได้หลากหลายเส้นทางเหมาะกับสภาพถนนเมืองไทย แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มนวล พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกรวมไปถึงอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย มีมาให้อย่างครบครัน มุมมองไฟหน้าและกระจังหน้ามีรูปแบบที่เฉียบคม กระจังหน้าสีดำผสมโครเมียม ไฟหน้า LED ปรับระดับองศาของไฟต่ำได้ พร้อม Daytime Running Light ไฟตัดหมอกหน้า
ตกแต่งใต้กันชนด้วยวัสดุสีเงินรอบคัน ซุ้มล้อหุ้มด้วยพลาสติกกันกระแทกสีดำ ล้ออลูมิเนียมอัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว แร็คราวหลังคา ไฟท้าย LED พร้อมกับไฟเบรกแนวตั้ง (Light Guides) มิติตัวถังของรถมีขนาดความยาว 4,450 มิลลิเมตร กว้าง 1,775 มิลลิเมตร สูง 1,710 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,740 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,515 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,530 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 200 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยว 5.2 เมตร
ห้องโดยสารแบบที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ภายในใช้อุปกรณ์ร่วมกับ Suzuki Ertiga
ก้าวแรกในการเข้าไปในห้องโดยสาร ตัวประตูให้ความรู้สึกในการเปิดปิดที่แน่นใช้ได้ สัมผัสของพวงมาลัยหุ้มหนัง และการตกแต่งด้วยคาร์บอนให้ความรู้สึกที่ดูวัยรุ่นขึ้น ตัวเบาะที่นั่งผู้ขับสามารถปรับสูง-ต่ำได้ ทัศนวิสัยต่างๆ ชัดเจน ตำแหน่งที่นั่งสูงทำให้ท่าทางของการนั่งขับค่อนข้างที่จะสบาย เน้นให้สามารถมองภายนอกรถได้ชัดเจน การขับขี่ช่วงในเมืองที่การจราจรค่อนข้างหนาแน่น พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาแรกการขับสามารถควบคุมได้ง่าย
เบาะนั่งใน Suzuki XL7 เป็นแบบครึ่งผ้าครึ่งหนังสังเคราะห์ เบาะแถวกลางพับได้อย่างหลากหลาย ส่วนเบาะแถวที่ 3 มีพื้นที่ในการวางเท้าพอเพียงสำหรับคนที่มีสัดส่วนความสูงไม่เกิน 175 เซนติเมตร สามารถนั่งโดยสารได้อย่างสบาย เบาะแถวที่ 3 ออกแบบให้สามารถพับราบไปกับพื้นเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ คอนโซลด้านหน้าตกแต่งด้วยวัสดุลาย Carbon Fiber เดินเส้นด้วยคิ้วโครเมี่ยม ที่ดีงามก็คือแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวที่สองซึ่งติดอยู่บนเพดาน ช่วยกระจายความเย็นจากระบบปรับอากาศได้ดี
เบาะนั่งแถวที่สองปรับพับแยกเบาะแบบ 60:40 สามารถเลื่อนสไลด์ได้ 240 มิลลิเมตร เพื่อการเข้า-ออกแถวที่สาม เบาะนั่งแถวที่สามปรับพับแยกเบาะแบบ 50:50 สามารถปรับพับเบาะนั่งได้หลายรูปแบบเพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง D-Shape ยังทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นระหว่างเบาะกับพวงมาลัย เพื่อช่วยให้การ เข้า-ออกที่นั่งสะดวกขึ้น
ในเบาะตอนสองตำแหน่งที่นั่งให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างจะสูงกว่าที่นั่งตอนหน้า ตัวเบาะแถว 2 เอง สามารถปรับเลื่อนหน้าหลังได้ รวมไปถึงการปรับเอนตัวพนักพิง แต่จะไม่มีที่เท้าแขนกลางมาให้ การนั่งในแถวที่สองตัวกระจกข้างที่ค่อนข้างกว้างให้ความรู้สึกที่โปร่ง ตัวเบาะนุ่มแน่นระดับกลาง การนั่งโดยสารสำหรับคนตัวสูง 174 เซนติเมตร พื้นที่เหนือศีรษะก็ยังมีแบบเหลือๆ แอร์ตอนหลังให้ความเย็นแบบทั่วถึง เบาะด้านหน้าการนั่งโดยสารค่อนข้างสบายกว่าในเบาะแถวสอง ตัวเบาะสามารถรับสรีระได้ดี ด้านข้างแผงประตูมีช่องวางโทรศัพท์ที่ออกแบบมาให้สามารถวางได้ในแนวนอนแบบพอดี ส่วนที่เท้าแขนกลางตอนหน้าที่เลื่อนสไลด์ได้เหมาะสำหรับผู้ขับขี่คนเดียวมากกว่า เนื่องจากมีขนาดที่ไม่ได้ใหญ่นัก
หน้าปัดเรือนไมล์แบบใหม่ พร้อมจอกลางสีที่แสดงผลการขับขี่ต่างๆ ในสไตล์เดียวกันกับ Swift Sport มีทั้ง Driving G-Force อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ระดับแรงม้าแรงบิด การเหยียบเบรกและคันเร่ง นาฬิกาแบบเข็มพร้อมวันที่ สถานะของประตู
จัดระบบเชื่อมต่อกับความบันเทิง หน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว มาพร้อมระบบปรับแต่งเสียงและประมวลผลในแบบดิจิทัล (Digital Sound Processor)ที่สามารถดูหนัง ฟังเพลงในรถได้มิติเสียง การไล่เสียงและความแน่น ดีงามเกินราคามาก และมีฟังก์ชั่นเชื่อมต่อ Bluetooth การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay, Android Auto รวมไปถึงช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI ที่บริเวณคอนโซลหน้า ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V 3 ตำแหน่ง ส่วนระบบปรับอากาศอัตโนมัติและระบบปรับอากาศด้านหลัง และช่องวางแก้วคู่หน้ายังสามารถเป่าลมเย็นได้ มาพร้อมกุญแจแบบ Keyless มีปุ่มสตาร์ท และระบบ Keyless Entry ที่สามารถตั้งค่าให้การปลดล็อคเพียงประตูคนขับบานเดียว และติดตั้งระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติบริเวณห้องโดยสารด้านหน้า ระบบปรับอากาศด้านหลังสำหรับที่นั่งแถวสองและแถวสาม ช่องวางแก้ว 8 ตำแหน่ง พร้อมช่องเป่าลมเย็นบริเวณคอนโซลกลางเพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิเครื่องดื่มให้เย็นอยู่ตลอดเวลา
แพลตฟอร์ม HEARTECH ที่ลดจุดเชื่อมต่อเพิ่มความแข็งแรงที่มีมาตั้งแต่ใน Ertiga รวมไปถึงโครงสร้างนิรภัย TECT ซึ่งใน Suzuki XL7 มีการเพิ่มส่วนของฉนวนกันความร้อนกระโปรงหน้า ฉนวนกันความร้อนคอนโซลด้านใน ทั้งหมดเพื่อลดเสียงจากเครื่องยนต์ มีการเพิ่มการเชื่อมจุดที่หน้าแชสซีส์ลดอาการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ เพิ่มขนาดซีลเบ้ารูแกนพวงมาลัย มีการซีลประตูคู่ลดเสียงลมและเสียงเครื่องยนต์ที่เข้ามาในห้องโดยสาร การเก็บเสียงจากด้านหน้ารถเข้ามาในห้องโดยสารนั้นค่อนข้างดี
นอกจากนี้ ในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ และลดแรงเสียดทานของ Suzuki XL7 ใหม่ ได้ติดตั้งแผ่นดักลมด้านหน้าและหลัง แผ่นใต้บริเวณเครื่องยนต์ด้านซ้ายและขวา รวมไปถึงแผ่นใต้หม้อน้ำอีกด้วย ส่วนของช่วงล่างมีการปรับเซ็ตใหม่ทั้งโช้กอัพและสปริงหน้าหลัง เหล็กกันโครงหน้าที่มีความหนาขึ้น 1 มม. ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ใหม่ มอเตอร์และกล่องควบคุมพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่ ระบบไฟฟ้าของรถต่างๆ ใหม่ รวมไปถึงการปรับตั้งมุมล้อใหม่
ในส่วนระบบความปลอดภัย ติดตั้งถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า ระบบเบรก ABS ช่วยป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน พร้อมระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรกได้อย่างสมดุล เสริมด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว ESP และการปรับแต่ง Module ในพวงมาลัยที่เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Hold Control) จุดยึดเบาะสำหรับเด็ก ISOFIX และ Top Tether กล้องมองภาพพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะในขณะถอยหลัง ป้องกันการโจรกรรมด้วยระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
ภาพรวมในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ ในรถระดับนี้กับราคาที่คุ้มค่า
ฟีลลิ่งของพวงมาลัยในช่วงความเร็วเดินทางมีระยะฟรีเล็กน้อยให้รู้สึกไม่ล้าจากการต้องคอยประคองพวงมาลัยในช่วงทางตรงยาวๆ และน้ำหนักเบาขับง่าย สามารถควบคุมผ่านโค้งได้เป็นธรรมชาติ กะระยะในการหักเลี้ยวพวงมาลัยได้แม่นยำ
อัตราเร่งการขับขี่ในเมืองค่อนข้างคล่องตัวไม่ได้รู้สึกว่าตัวรถอืด นั่งโดยสารไปทั้งหมด 3 ท่าน รวมสัมภาระท้ายอีกเล็กน้อย ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวรถอืดแต่อย่างใด สามารถขับขี่ใช้งานทั่วๆ ไป ได้แบบสบายๆ หากแต่เมื่อต้องการพละกำลังการเติมคันเร่งลึกลงไปก็พอจะมีเสียงเครื่องยนต์ ดังเข้ามาให้ได้ยินอยู่บ้าง ตัวรถสามารถตอบสนองไต่ความเร็วขึ้นไปได้อย่างเพียงพอ
ขุมพลัง K15B ขนาด 1.5 ลิตร ในแบบเบนซิน 4 กระบอกสูบ 4 วาล์วต่อสูบ ปริมาตรความจุ 1462 CC ความกว้างกระบอกสูบ 74.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 85.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 กำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ปรับตั้งกล่องควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ปรับอัตราทดเกียร์ให้เหมาะกับการทำงานของเครื่องยนต์และการตอบสนองต่อการกดคันเร่ง
พวงมาลัยปรับระดับสูง-ต่ำได้ แต่ปรับไกล-ใกล้ไม่ได้ พวงมาลัยมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและการสั่งการสมาร์ทโฟน ปุ่มสตาร์ทและดับเครื่องยนต์ Keyless Push Start ระบบ Keyless Entry ประตูเปิด-ปิดได้โดยไม่ต้องกดกุญแจรีโมต และกระจกมองข้างไฟฟ้า
แพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีแชสซีส์แบบใหม่ของ Suzuki สำหรับ Suzuki XL7 ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้กอัพและเหล็กกันโคลงที่ถูกเปลี่ยนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม คู่กับ ล้ออลูมิเนียมขอบ 16 นิ้ว ยาง 195/60R16 ระบบเบรกด้านหน้าดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน ส่วนเบรกหลังยังคงใช้แบบดรัมเบรก
ช่วงล่างได้รับการออกแบบและปรับแต่งอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นความนุ่มนวล ลดอาการโคลงตัวด้วยเหล็กกันโคลงด้านหน้า (Front Stabilizer) ขนาดใหญ่พิเศษ ช่วยลดอาการโคลง ให้การตอบสนองไปทางสปอร์ตมากขึ้น จะไม่ได้ให้ฟีลลิ่งในเด่นในแบบนุ่มนวล และยังพอมีอาการสะเทือนจากพื้นถนนให้พอได้รู้สึกแต่ไม่ถึงกับกระด้างจนรู้สึกว่านั่งไม่สบาย อาการในการเหินคอสะพานของรถที่มีความสูงแบบนี้ก็ถือว่าทำได้ดี ไม่เด้งย้วยจนทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ
AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI
การทดลองขับในเมืองบวกกับขับไปและกลับกรุงเทพฯ เขาใหญ่แบบ มีทดสอบอัตราเร่งไปด้วย ภาพรวมในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ ในรถระดับนี้กับราคาที่คุ้มค่า ในช่วงของการขับขี่ทางไกลที่มีการใช้ความเร็วในระดับ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง การไต่ระดับความเร็ว ทำได้แบบสบายๆ ที่จะตอบสนองการขับขี่ได้มั่นใจ
เครื่องยนต์และเกียร์ให้พละกำลังที่เหลือเฟือ และยังสามารถเร่งความเร็วทะลุเกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้ดึงแบบหลังติดเบาะ แต่ก็เพียงพอให้คุณเร่งแซงได้ ส่วนของระบบเบรกให้ความรู้สึกในการเบรกได้แบบไม่หัวทิ่ม ทั้งในช่วงการชะลอความเร็ว หรือต้องการเบรกเพื่อหยุดรถสนิทที่ต้องเหยียบแป้นเบรกให้ลึกมากขึ้น
เบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง Suzuki XL7 ที่สามารถนั่งได้จริง ปกติเบาะแถวสุดท้ายจะเป็นเบาะที่สำรองที่ให้เด็กนั่งมากกว่า แต่ถ้าเทียบรถในกลุ่มเดียวกัน ซูซูกิถือว่าทำได้ดีที่สุดในแถวที่ 3 ด้วยการออกแบบตัวถังให้มีความโปร่งพร้อมตำแหน่งการวางเบาะนั่งให้สูงทำให้ขาไม่ติด จึงทำให้ผู้ใหญ่สามารถนั่งได้จริงในแถวที่ 3 ส่วนจอกลางขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อหลากหลายครบครัน รวมไปถึง Android Auto และเรื่องของภายในที่โดยรวมดูมีลูกเล่นมากกว่าของ Ertiga ออปชั่นจัดเต็มที่เหมาะกับคนร่นใหม่ เริ่มจากช่องเสียบไฟทั้ง 3 ดูทันสมัยสมราคา
ปิดท้ายที่ราคาที่น่าสนใจ XL7 ครับ ในจุดนี้ถือว่าเป็นปัจจัยหลักก็ว่าได้ สำหรับการตัดสินใจในการซื้อรถหนึ่งคันที่ บางคนต้องตัดสินใจซื้อรถที่สามารถเป็นได้ทุกอย่างสำหรับครอบครัว ซึ่ง Suzuki XL7 ถือว่าทำราคาได้ดีทีเดียว 779,000 บาทกับรถในรูปแบบ Crossover ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ดูสปอร์ตมาดลุย แต่งครบจากโรงงาน
ส่วนสำหรับท่านที่มี Ertiga รุ่น 2019 อยากเปลี่ยนเป็น Suzuki XL7 จะคุ้มมั้ย บอกเลยครับ ไม่คุ้ม เพราะข้อมูลจากวิศวกรผู้ออกแบบ ทำให้ทราบได้ว่า Suzuki XL7 ไม่ใช่เพียงการนำเอา Ertiga มายกสูงแต่เพียงเท่านั้น แต่รถใหม่ Suzuki XL7 นั้น ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ มีการปรับเซ็ตจุดต่างๆ ของรถใหม่หมด ภายนอกตัวรถแม้ดูคล้ายคลึงกันแต่ชิ้นส่วนต่างๆ มีดีไซน์ไม่เหมือนกัน รวมไปถึงเสา A และเสา B ของตัวรถ หากเทียบกันแบบชัดๆ ถ้าจะเอาไปเปลี่ยนเอง อาจจะเป็นงานยาก หากต้องการความเนียนครับ
NEW SUZUKI XL7, Multi-Dynamic Crossover มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่
สีส้ม Rising Orange Pearl Metallic (ZZY)
สีเทา Metallic Magma Gray (ZYZ)
สีขาว Pearl Snow White (ZQZ)
สีดำ Cool Black Metallic (ZBD)
NEW SUZUKI XL7 ราคาพิเศษช่วงแนะนำ 779,000 บาท