เรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิก กับกิจกรรมการทำความรู้จักและทำการขับทดสอบที่จะได้เห็นทุกแง่ทุกมุมของเทคโนโลยีในรถที่เป็นโมเดลใหม่ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ สำหรับมาสด้าที่ต้องขอบอกว่างานลักษณะแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ ในประเทศไทย
มาสด้าได้เปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุดของพวกเขาเป็นที่แรกในโลกที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นครั้งแรกของการนำแนวคิดการออกแบบ KODO Design : Soul of Motion จิตวิญญาณแห่งความเคลื่อนไหวมาปรับใช้กับการออกแบบรถกระบะ ซึ่งก็ได้รับความนิยมมากและกระแสตอบรับที่ดี และวันนี้มาสด้าได้ทำการพรีวิวรถรุ่นนี้ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมผัสรถกันอย่างใกล้ชิดกับงาน 2021 Mazda BT-50 Thailand Sneak Preview...
ก่อนหน้านี้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย มีการประกาศลดราคาอย่างเป็นทางการ รถปิกอัพ บีที-50 โปร แบบล้างสต็อกล็อตสุดท้ายลดราคาสูงสุดมากกว่า 200,000 บาท ส่งสัญญาณชัดเจนว่าโฉมใหม่ของ บีที-50 โปร นั้นกำลังจะเปิดตัวในอีกไม่นาน ในฐานะรถปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุดของประเทศในปี 2021 เพื่อต่อกรกับคู่แข่งที่ทยอยเปิดตัวและปรับโฉมกันไปก่อนหน้า รวมถึงเป็นการตั้งรับกับคู่แข่งรายใหม่ที่เตรียมจะเปิดตัวตามมาในอนาคต
เปลี่ยนผู้พัฒนารถกระบะร่วมจาก Ford (ฟอร์ด) มาเป็น Isuzu (อีซูซุ) เป็นครั้งแรก
เท้าความสักนิดสำหรับ Mazda BT-50 รุ่นก่อนหน้านั้นทำตลาดอยู่ใน 142 ประเทศทั่วโลก และเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่สำคัญของมาสด้า โดยเฉพาะในตลาดที่รถปิกอัพได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นอาเซียน, เอเชีย โอเชียเนีย, แอฟริกาใต้ รวมไปถึงละตินอเมริกา
ทางมาสด้าได้เปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุดของพวกเขาเป็นที่แรกในโลกที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นครั้งแรกของการนำแนวคิดการออกแบบ KODO Design : Soul of Motion จิตวิญญาณแห่งความเคลื่อนไหว มาปรับใช้กับการออกแบบรถกระบะ ซึ่งก็ได้รับความนิยมมากและกระแสตอบรับที่ดี และวันนี้ มาสด้าได้ทำการพรีวิวรถรุ่นนี้ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมผัสรถกันอย่างใกล้ชิด
โดยการเปลี่ยนแปลงที่มาสด้าระบุว่าจะเป็นก้าวสำคัญของการบุกตลาดปิกอัพอีกครั้งของแบรนด์ คือการที่มาสด้า ได้เปลี่ยนผู้พัฒนารถกระบะร่วมจาก Ford (ฟอร์ด) มาเป็น Isuzu (อีซูซุ) เป็นครั้งแรก หลังจากที่ร่วมมือกับค่ายรถจากอเมริกันมาหลายเจเนอเรชั่น
ออกแบบ ด้วยแนวคิดโคโดะ ดีไซน์ ในเรือนร่างรถกระบะที่แข็งแกร่ง
แน่นอนว่า งานออกแบบที่เป็นจุดขายหลักของมาสด้าในตลาดรถยนต์และเอสยูวีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาอย่าง โคโดะ ดีไซน์ คือคอนเซปต์หลัก และผู้บริหารของมาสด้าก็ระบุว่า งานออกแบบถือเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้มาสด้ามีความแตกต่างจากฝาแฝดที่พัฒนาร่วมกันมาอย่าง Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) อย่างชัดเจนที่สุด ด้วยการพัฒนาแนวคิดการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวที่อาจจะไม่ได้เหมาะสมกับรถกระบะที่เน้นความแข็งแกร่ง แต่พวกเขาทำการดัดแปลงให้โคโดะดีไซน์มีความบึกบึนขึ้นมา ด้วยการออกแบบกระจังหน้า กันชนหน้าและเส้นสายด้านหน้าในรูปแบบของสี่เหลี่ยมคางหมูที่ดูพลิ้วไหว แต่ก็ให้อารมณ์แข็งแกร่ง
การออกแบบรถปิกอัพที่สามารถใช้ได้ทุกโอกาส (Built for Dress and Jeans) ที่เรียบง่าย สง่างาม ใช้ได้งานทุกโอกาส การเลือกสัดส่วนที่เหมาะสมกับรถ กระจังหน้าขนาดใหญ่และการยกตำแหน่งของฝากระโปรง ทำให้สวยงามและลงตัวกับเส้นด้านข้างของตัวรถ ซุ้มล้อขนาดใหญ่ที่ทำให้ด้านข้างของตัวรถดูบึกบึน รวมไปถึงรายละเอียดของวัสดุและอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งมาในรถคันนี้ ตั้งแต่กรอบโคมไฟด้านหน้า กรอบโคมไฟท้าย บันไดข้างขนาดใหญ่ แร็คหลังคาสีดำดูลงตัว ซึ่งสะท้อนงานออกแบบไปยังห้องโดยสารภายในอย่างชัดเจนและสวยงาม
แม้จะได้รับอิทธิพลและอุปกรณ์มาจากแฝดพี่ แต่มาสด้าเลือกปรับแนวทางการออกแบบให้ชัดเจนและสวยงาม ด้วยการลากความกว้างของห้องโดยสารออกไปด้วยเส้นแนวนอน คุณภาพของวัสดุที่นำมาเลือกใช้ พร้อมการออกแบบที่ให้ผู้ขับขี่โฟกัสไปที่ตำแหน่งเดียว เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ ในรุ่นท็อปจะมาพร้อมเบาะสีน้ำตาลและหน้าจอ 9 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อเต็มระบบ ส่วนในรุ่นล่างจะมาพร้อมเบาะที่นั่งแบบผ้าสีเทา หน้าจอสัมผัสขนาดเล็กตรงกลางห้องโดยสาร ในรุ่นสี่ประตูมาพร้อมแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น
มาสด้า บีที-50 ใหม่ มาพร้อมความยาวของตัวรวมกันชน 5,280 มิลลิเมตร ความสูงในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ-ยกสูงอยู่ที่ 1,790 มิลลิเมตรและรุ่นมาตรฐานที่ 1,700 มิลลิเมตร ความกว้างรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ-ยกสูงอยู่ที่ 1,870 มิลลิเมตร และรุ่นมาตรฐานที่ 1,810 มิลลิเมตร และมีฐานล้อยาว 3,125 มิลลิเมตร แม้จะเป็นรถที่พัฒนามาบนแพลตฟอร์มของดีแมคซ์ แต่พวกเขากลับมาความยาวของตัวรถที่มากกว่าเล็กน้อย ขณะที่มิติด้านอื่นๆ ถือว่าไม่มีความแตกต่าง และหากเทียบกับรุ่นเดิม จะพบว่ามิติเกือบทั้งหมดนั้น ลดลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน
ขุมพลังและระบบส่งกำลังยกมาจากอีซูซุ ดีแมคซ์
มาสด้าระบุว่าพวกเขาได้ออกแบบรถให้มีตัวถังที่เล็กลงเล็กน้อย โดยไม่เสียพื้นที่การโดยสารและการบรรทุกไปแต่อย่างใด ทำให้รถคันนี้มีความประหยัดมากขึ้นกว่าเดิม เพิ่มเติมสมรรถนะด้านการขับขี่อย่างเหนือชั้น รวมถึงการปรับปรุงระบบเบรกเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานมากขึ้นด้วย
ทางมาสด้า เลือกจะใช้เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังมาจากดีแมคซ์ทั้งหมด ทั้งเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร ที่ให้กำลัง 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมด้วยแรงบิด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังแบบธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 6 สปีด โดยระบุว่าประหยัดน้ำมัน 6.6 ลิตรต่อ100 กิโลเมตร
ส่วนในตัวเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รุ่นท็อป ให้กำลัง 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมด้วยแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 6 สปีด มาพร้อมทางเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยระบุว่าเครื่องยนต์รุ่นนี้ประหยัดน้ำมัน 8.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน รวมถึงยังปล่อยมลพิษและไอเสียที่น้อยกว่า เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ห้องโดยสารออกแบบ เน้นความเงียบ ที่มากขึ้น
ในเรื่องของพื้นที่ภายในของรถนั้นไม่ได้แตกต่างกัน และรถรุ่นใหม่ยังมาพร้อมแพ็คเกจที่ดีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบประตูบานหลังที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น ตำแหน่งการวางขา มือจับที่เสาบี รวมถึงเบาะที่นั่งปรับได้ 8 ทิศทาง และพวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง เพื่อปรับท่านั่งให้ดีที่สุด
มาสด้าระบุว่าพวกเขาได้ทำการติดตั้งโฟมกันเสียงที่ด้านล่างของตัวรถ พร้อมทั้งฉนวนกันเสียงมากมายหลายตำแหน่ง มีการออกแบบพรมติดรถให้เป็นชิ้นเดียวกันกับฉนวน เพื่อให้มั่นใจว่ารถจะสามารถกันเสียงรบกวนด้านล่างได้ดีที่สุด ซึ่งเป็นแนวทางที่มาสด้ามุ่งมั่นพัฒนารถมาโดยตลอด ห้องโดยสารของรถก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเช่นเดียวกัน เพื่อให้เกิดความเงียบสงบระหว่างการเดินทาง เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่และยังช่วยลดความตึงเครียดในการโดยสารอีกต่างหาก เรียกได้ว่านอกจากการออกแบบภายในจะสวยงามแล้ว ความสะดวกสบายของผู้โดยสารก็ถูกคำนวณอย่างดี
นอกจากนี้ พวกเขาได้ออกแบบรถเพื่อลดเสียงจากลมปะทะด้านบน ด้วยการออกแบบยางซีลกันเสียงที่ขอบประตูเชื่อมกันเป็นวงแหวน เพื่อลดเสียงเข้าด้านข้างและด้านบนของบานประตู เพื่อให้มั่นใจว่าการเดินทางจะเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะจากการพูดคุยหรือระบบบันเทิงก็ตาม
ระบบขับขี่และความปลอดภัย
เมื่อได้รับการถ่ายทอดมาจากอีซูซุ พวกเขาก็ยกระบบความปลอดภัยและการขับขี่มาจากรุ่นพี่แบบไม่มีอะไรเพิ่มเติมมาในรุ่นแรกที่จะเปิดตัว ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมเพลาอลูมิเนียมน้ำหนักเบา สลับโหมดได้อย่างอิสระ มาพร้อมระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่
มาพร้อมกับระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบช่วยจอด ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันและระบบช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน
ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง อันประกอบไปด้วย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยไปเทียบเคียงกับคู่แข่ง และเบาะที่นั่งออกแบบมาเพื่อลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บที่ต้นคอ
การทำความรู้จักรถ ด้วยการลองขับแบบสั้นๆ ในสนามทดสอบ
ออกตัวทำความรู้จักรถด้วยการลองขับแบบสั้นๆ ในสนามทดสอบ Mazda BT-50 รุ่นใหม่ เข้าสู่สถานีสลาลอมเป็นจุดแรก จังหวะเข้าแรงๆ รับรู้ได้ถึงแรงเหวี่ยงโยนตัว แต่ถ้าลดความเร็วลงเข้าเบาๆ อาการโยนตัวน่าจะน้อยลง หลังจากนั้นเป็นการขับลองทางโค้งแบบคดเคี้ยวไปมา ผลลัพธ์ภาพรวมเมื่อเทียบกับโฉมก่อนหน้า ให้ความรู้สึกที่นุ่มกว่าแต่การเกาะโค้งด้วยความเร็วไม่มั่นใจเท่ารุ่นเดิม
ส่วนการลองขับแบบทางตรงยาวรอบสนาม อัตราเร่งทำได้ดี การทรงตัวทางตรงนิ่ง แม้ขับด้วยความเร็วสูง โดยรวมทั้ง 2 ทางเลือกเครื่องยนต์ แม้จะไม่ใช่เครื่องยนต์ในแบบเวอร์ชั่น Skyactive ของมาสด้า ทีหลายคนคุ้นเคย แต่ในเรื่องของอัตราเร่งสำหรับคนที่ชอบสมรรถนะการขับขี่ที่สุภาพ นิ่มนวล และมีการควบคุมรวมถึงการทรงตัวที่มาพร้อมความมั่นใจ มากกว่าอยากได้รถปิกอัพแนวแรงๆ แบบวัยรุ่นน่าจะถูกใจกับฟีลลิ่งการขับของเจ้า Mazda BT-50 รุ่นใหม่นี้ที่ตอบโจทย์ความต้องการแบบนี้ได้อย่างเต็มที่
แม้ความแตกต่างหลักใหญ่ใจความจะอยู่ที่การออกแบบดีไซน์ นอกนั้นเป็นพื้นฐานของอีซูซุที่พัฒนาดีแมคซ์ เกือบทั้งหมดแต่ก็ถือว่าเป็นแนวทางที่กล้าและน่าศึกษาในสัดส่วนความร่วมมือนี้ การนำแพลทฟอร์มรถมาปรับด้วยโคโดะ ดีไซน์ ก็ดูน่าสนใจในแนวทางการพัฒนารถคันนี้ ซึ่งแตกต่างจากมาสด้า3 รุ่นปัจจุบันที่มีการแก้ไขจุดด้อยต่างๆ รวมถึงการพัฒนารายละเอียดต่างๆ เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนเป็นที่ตั้ง
ส่วนในเรื่องความประณีต ความใส่ใจ และความลงตัวต่างๆ ที่ทางมาสด้าบรรจงใส่เข้ามา เรื่องความสวยงามไม่น้อยหน้าใคร รวมถึงคุณภาพของวัสดุที่นำมาใช้ โดยภาพรวมแล้ว Mazda BT-50 ถือว่าพัฒนาขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ รอเพียงค่ายมาสด้าเปิดผ้าคลุมและราคาขายอย่างเป็นทางการ วันนั้นน่าจะได้ไปทดลองขับรีดพลังกันอย่างจริงจัง..จะมาเล่าให้ฟังกันอีกทีครับ