ในปัจจุบันโลกของอุตสาหกรรมรถยนต์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายเมื่อเทียบกับยุคก่อน รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% Electric vehicle (EV) กำลังถูกมองว่าเป็นเทรนด์รถที่กำลังจะเข้าทดแทนรถที่ใช้เครื่องยนต์น้ำมัน ซึ่งในจังหวะนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายจากเครื่องยนต์น้ำมัน ไปสู่รถใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ก็จะเห็นได้ว่ามีรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเข้ามาคั่นในช่วงนี้ เพื่อให้รอยต่อของการเปลี่ยนแปลงไม่กะทันหันจนเกินไป เนื่องจากรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดยังคงใช้เครื่องยนต์น้ำมันผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่
โดยเฉพาะรถในแบบ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV ) หรือ รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินที่ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือก็คือรถยนต์ที่ผู้ใช้สามารถใช้ได้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นเบนซินหรือดีเซล แหล่งพลังงานที่ใช้กับมอเตอร์ไฟฟ้าของ PHEV ก็ได้มาจากการชาร์จไฟฟ้าจากสถานีจ่ายไฟตามจุดต่างๆ ที่ให้บริการ หรือการเสียบชาร์จไฟฟ้าจากไฟบ้านโดยตรงได้เลย ทำให้รถยนต์ประเภทนี้สามารถใช้พลังงานได้ถึง 2 แหล่งพร้อมกัน ซึ่งก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการขับให้มีระยะทางทางที่ไกลกว่าเดิมและมีความเร็วขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งปล่อยมลพิษน้อยลงก็ยิ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของผู้ใช้รถ เหมือนอย่างกับ Range Rover Sport Plug-in Hybrid ราคา 8,599,000 บาท คันนี้ที่นับได้ว่าเป็น เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต ใหม่ ถูกพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 บนพื้นฐานของแพลทฟอร์ม MLA-Flex
ตัวรถมีขนาดใหญ่ แต่ดูทะมัดทะแมง และสปอร์ต
Range Rover Sport Plug-in Hybrid คันนี้เป็นอีกชื่อรุ่นของรถแบรนด์แลนด์โรเวอร์ ที่ทำตลาดอย่างเป็นทางการในบ้านเรา โดยบริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจในฐานะตัวแทนจำน่ายรถยนต์จากัวร์-แลนด์โรเวอร์ ในประเทศไทย ด้วยตัวรถมีขนาดใหญ่แต่ดูทะมัดทะแมง โคมไฟหน้าทรงเพรียวดูล้ำสมัย ด้วยเทคโนโลยี Digital LED กระจังหน้าและกันชนใช้สีดำเงาเพิ่มความสปอร์ต แซมด้วยสีออกทองแดงในจุดต่างๆ มีสปอตไลท์ดวงเล็กอยู่ที่มุมกันชนด้านล่าง ล้อแม็กขนาดใหญ่ 21 นิ้ว คาลิเปอร์เบรกสีแดงทั้งหน้าและหลังดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ตัวรถด้านข้างเรียบลื่นไม่มีคิ้วให้สะดุดสายตา ใช้เส้นสายบนตัวรถช่วยเพิ่มมิติ
ที่เปิดประตูเป็นแบบซ่อนและจะยื่นออกมาให้ดึงเปิดเมื่อกดปุ่มปลดล็อกที่รีโมท หรือกดปุ่มบนที่เปิดประตู มาพร้อมระบบประตูดูดหรือ Soft Door Close แค่ปิดประตูเบาๆ ระบบจะดูดประตูให้ปิดสนิทแทบไร้เสียงรบกวน กระจกมองข้างสีดำเงา มีไฟเลี้ยวและกล้องสำหรับระบบกล้องมองรอบคันแบบสามมิติ มีไฟเตือนจุดบอดด้านข้าง มีเสาอากาศแบบครีบฉลามคู่ติดตั้งกล้องสำหรับระบบมองรอบคัน ชุดไฟท้ายทรงเพรียวโอบไปถึงด้านข้าง เชื่อมต่อกันด้วยชื่อรุ่น RANGE ROVER สีดำ ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบ และปลายท่อไอเสียโครเมียมขนาดใหญ่แยกออกซ้าย-ขวา การออกแบบแนวเส้นหลังคาให้ลาดลงเล็กน้อยสู่ด้านหลัง และเส้นสายรถรอบคันที่มีความเรียบร้อยต่อเนื่อง ทำให้ตัวรถหล่อ สปอร์ตสมชื่อรุ่น ดูได้นานโดยไม่เบื่อ
ภายในเรียบ แต่ หรู ขับง่าย นั่งสบาย
การออกแบบภายในโดยรวมยังคงเน้นความเรียบง่ายของเส้นสาย แต่อุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ครบครัน ที่ผ่านการคิดมาอย่างดี พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า ให้สัมผัสที่หรูหราและกระชับมือ พร้อม Paddle Shift จอที่คอนโซลกลางเป็นแบบสัมผัสความละเอียดสูง ใช้ควบคุมระบบหลักของรถเช่นโหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อ และแสดงผลการทำงานของระบบขับเคลื่อน
หลังคาเป็นแบบพาโนรามิกซันรูฟไฟฟ้า ส่วนเบาะผู้ขับหนานุ่มนั่งสบาย ปรับด้วยไฟฟ้า 20 ทิศทาง พร้อม 3 หน่วยความจำ สามารถปรับความกระชับของปีกเบาะได้ มาตรวัดเป็นดิจิตอลความคมชัดสูง พร้อมระบบ HUD Head-up Display ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้ด้วยปุ่มบนพวงมาลัยฝั่งซ้าย การใช้งานไม่ยุ่งยาก กระจกมองหลังมีระบบ ClearSight Interior Rear View Mirror เปลี่ยนเป็นจอแสดงภาพจากกล้องมองหลังแทนการสะท้อนด้วยกระจกปกติ ใช้กรณีมีคนนั่งเบาะหลังหรือบรรทุกสัมภาระบดบังกระจกหลัง ที่เท้าแขนมีช่องแช่เย็นปรับความเย็นได้ 2 ระดับ เป็นเหมือนตู้เย็นขนาดจิ๋วประจำรถ เครื่องเสียงติดรถเป็นแบบไฮเอนด์แบรนด์ Meridian
แบตเตอรี่ไฮบริดติดตั้งอยู่บริเวณที่วางเท้าเบาะแถวหลัง จึงไม่กระทบพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย เปิดพื้นขึ้นมาจะเจอกับยางอะไหล่แบบ Full Size พร้อมล้อแม็กและยางขนาดเดียวกัน นอกจากยางอะไหล่แล้วก็มีสายชาร์จไฟบ้านมาให้ได้ลองชาร์จกันด้วย ส่วนที่เก็บสัมภาระด้านท้ายกว้างขวาง ยิ่งถ้าพับเบาะแถว 2 ความจุจะเพิ่ม ประตูท้ายไฟฟ้ากำหนดความสูงในการเปิดได้ มีปุ่มพับและกางเบาะแถว 2 ทั้ง 2 ฝั่ง และมีปุ่มกดให้ช่วงล่างย่อตัวลงมาเพื่อให้เคลื่อนย้ายสัมภาระได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะของที่มีน้ำหนักมาก
กำลังรวมทั้งระบบ 510 แรงม้า ขับสนุก ตอบสนองทันใจ
บริเวณซุ้มล้อหลังของรถฝั่งผู้ขับจะเป็นฝาปิดที่เติมน้ำมัน ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นฝาปิดที่ชาร์จแบตเตอรี่ไฮบริด Range Rover Sport Plug-in Hybrid คันนี้ มีกำลังรวมทั้งระบบ 510 แรงม้า ที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 700 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-5,000 รอบต่อนาที เป็นผลงานความร่วมมือของเครื่องยนต์ เบนซิน แบบ 6 สูบเรียง DOHC พร้อมระบบแปรผันจังหวะการทำงานของวาล์วไอดีและไอเสีย ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ มีกำลัง 400 แรงม้า (PS) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 105 กิโลวัตต์ หรือ 143 แรงม้า (PS) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 38.2 kWh ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF ขับเคลื่อน 4 ล้อ Intelligent All-Wheel Drive ปรับการแบ่งกำลังไปยังล้อทั้ง 4 ตามสภาวะการขับโดยอัตโนมัติ
ขับสนุกตอบสนองทันใจ โหมดการขับมีให้เลือกทั้ง HYBRID โหมด SAVE และ โหมด EV แบตเตอรี่ขนาด 38.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกลสูงสุด 113 กิโลเมตร โดยมีระยะทางขับขี่จริงอยู่ที่ประมาณ 88 กิโลเมตร ครอบคลุมระยะทางขับขี่โดยเฉลี่ยกว่า 75% ของการใช้งานทั่วไป และเมื่อทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้าในรูปแบบไฮบริด จะให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 740 กิโลเมตร
โดยระบบชาร์จไฟฟ้ารองรับ DC Rapid Charging ชาร์จจาก 0-80 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาต่ำกว่า 1 ชั่วโมง และมีระบบ Brake Energy Recuperation ชาร์จไฟกลับเมื่อเบรกหรือลดความเร็ว ช่วยเพิ่มระยะทางการใช้งานของมอเตอร์ไฟฟ้าได้อีกด้วย การใช้สายชาร์จที่ให้มากับรถเสียบใช้งานไม่ยุ่งยากครับ มีไฟแสดงสถานะบนที่ชาร์จ ช่องชาร์จที่ตัวรถและบนชุดมาตรวัด เสียบแช่ไว้นานสายไฟบ้านก็ไม่ร้อน แต่ใช้เวลาค่อนข้างนาน 11 ชั่วโมงกว่าสำหรับไฟบ้านแบบธรรมดาทั่วไป
ช่วงล่างแบบถุงลม เน้นความนุ่มหนึบ
โครงสร้างตัวรถแบบ MLA-Flex ทนทานต่อแรงบิดมากกว่ารุ่นเดิม 35 เปอร์เซ็นต์ ทำงานร่วมกับช่วงล่างถุงลมแบบ Dynamic Air Suspension ที่ติดตั้งในเรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ตทุกรุ่นย่อย เพิ่มการทำงานของช่วงล่างให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ระบบกันสะเทือนอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าปีกนก 2 ชั้น ด้านหลังมัลติลิงก์ พร้อมถุงลมปรับความสูงได้ 3 ระดับ คือ Off Road, Standard และ Access ปรับช่วงล่างต่ำสุดเพื่อให้ขึ้นลงสะดวก ลุยน้ำได้ลึกสุด 90 เซนติเมตร และสามารถลุยออฟโรดแบบจริงจังได้ด้วยระบบ Terrain Response 2® ช่วยให้การขับบนทางออฟโรดเป็นเรื่องง่ายแม้ไม่มีประสบการณ์ ช่วยให้การขับออฟโรดมีความสนุกและปลอดภัยยิ่งขึ้นครับ…
AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI
สำหรับผมแล้ว Range Rover Sport Plug-In Hybrid คันนี้ เป็นเอสยูวีขนาดใหญ่ โดดเด่นที่รูปลักษณ์ภายนอกเรียบง่ายแต่สะดุดตา ภายในหรูหรากว้างขวาง และมีฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน
แม้ความรู้สึกแรกหลังจากได้ลองขับคือ รถคันนี้ ใหญ่จริงๆ ครับ ด้วยความยาวเกือบ 5 เมตร กว้าง 2 เมตรนิดๆ การต้องขับฝ่าเมืองในช่วงเวลาเร่งด่วนจากสถานที่รับรถทดสอบที่โชว์รูมรถยนต์แลนด์โรเวอร์ พระราม 4 อาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่พอได้ขับออกถนนใหญ่แล้วรู้สึกว่าขับง่ายกว่าที่คิดครับ เพราะตำแหน่งที่นั่งค่อนข้างสูง พื้นที่กระจกรอบคันกว้าง ทัศนวิสัยรอบคันค่อนข้างดีไม่มีจุดอับสายตา รวมทั้งมีเซ็นเซอร์และระบบสนับสนุนต่างๆ
เรื่องการขับควบคุมรถ ไม่ต้องปรับตัวกันนาน ขับได้อย่างมั่นใจ ทั้งทางไกลและในเมือง กำลังรวมทั้งระบบ 510 แรงม้า ของรถคันนี้สมรรถนะดีมีกำลังขับเคลื่อนแรง ขับสนุก ตอบสนองทันใจ การตอบสนองของพวงมาลัยมีความคล่องแคล่ว การเปลี่ยนเลนเพื่อแซงทำได้รวดเร็วและตัวรถเก็บอาการโคลงได้ดี สมกับเป็นรถระดับหรู ช่วงล่างถุงลมชุดนี้สามารถรับมือกับช่วงความเร็วสูงๆ ได้อย่างมั่นใจในเรื่องการยึดเกาะถนน
การเก็บเสียงภายในรถ ก็ทำได้ดีครับ ขับทางไกลแทบไม่มีเสียงรบกวนทั้งจากลมปะทะและเสียงยาง บวกกับความใหญ่โตและความนิ่งของรถ ทำให้รถขับได้อย่างเพลิดเพลิน อีกจุดที่ทำได้ดีคือ ระบบเบรก ที่สร้างแรงดึงได้ดี ลดความเร็วรถลงได้อย่างมั่นคง เมื่อเบรกหนักๆ
ส่วนเรื่องน้ำมัน 1 ถัง+ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ระยะทางรวม 740 กม. วิ่งจริงทำได้ไหมกับรถคันนี้ ยอมรับตรงๆ ไม่ได้หาคำตอบครับ เพราะข้อจำกัดของระยะเวลา แต่ในภาพรวม ทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และการคงเอกลักษณ์คอนเซปต์ความเป็นรถ SUV กว่า 17 ปี ของ Range Rover รถรุ่นนี้ทำได้ดีในรูปโฉมล่าสุดที่มีความหรูหราทันสมัยเข้ากับคุณสมบัติเฉพาะตัวครับ…