ลองขับ MITSUBISHI TRITON Double Cab Plus 2.4 ULTRA ขับ2 ยกสูง ตัวท็อป กับการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ในรอบ 9 ปี

  • August 17, 2023

นับตั้งแต่ Mitsubishi Motor เปิดตัวรถกระบะเป็นครั้งแรกในปี พศ. 2521 ตลอด 45 ปีที่ผ่านมากว่า 5 เจเนอเรชั่น ถือว่ายาวนานไม่ธรรมดา และล่าสุดกับการแนะนำรถกระบะ Mitsubishi New Triton รถกระบะรุ่นใหม่ที่นับได้เป็น เจเนอเรชั่นที่ 6 ที่มีการออกแบบใหม่หมดทั้งคัน และเป็นการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ในรอบ 9 ปี ทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน การพัฒนาเฟรมหรือโครงรถ แชสซีส์ ช่วงล่าง และเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด และหลังจากที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย มิตซูบิชิจะใช้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกไปทั่วโลก และยังถูกส่งกลับไปขายที่ญี่ปุ่นในช่วงต้นปีหน้าอีกด้วย

 

ดีไซน์แปลกใหม่ ดูทันสมัยขึ้น

สำหรับการทดลองขับ ALL NEW MITSUBISHI TRITON 2023 ในครั้งนี้ ทางทีมงาน MITSUBISHI จัดรถในรุ่น Double Cab Plus 2.4 ULTRA 6AT 2WD ราคา 1,027,000 บาท ที่เป็นตัวท็อปสุดของรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อในปัจจุบันมาให้สื่อมวลชนได้มีโอกาสลองขับ

ต้องขอชื่นชมในความกล้าที่จะแตกต่างของทาง MITSUBISHI ในงานดีไซน์ภาพรวมใหม่ของตัวรถทั้งหมด แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าโดยสิ้นเชิงโดยรุ่นนี้มีความเท่และบึกบึนขึ้นกว่ารุ่นก่อนเยอะมากทีเดียว การดีไซน์แบบ Dynamic Shield ไว้ออกแบบกระจังหน้าและซุ้มล้อแบบสามมิติ พร้อมกันชนหน้าที่ออกแบบเพื่อเน้นย้ำรูปทรงสะท้อนถึงพลังที่อัดแน่น ชุดไฟแบบสองชั้นเป็นสไตล์ที่ทาง Mitsubishi ใช้กับรถยนต์หลายรุ่นทั้งกระบะ เอสยูวีและครอสโอเวอร์  ส่วนกระบะท้ายได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ไฟท้ายรูปตัว T (T-shaped LED) ทั้งสองฝั่ง และล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว

เฟรมของรถออกแบบใหม่ใหญ่ขึ้นด้วยหัวใจของความปลอดภัยที่  MITSUBISHI  เรียกว่าโครงสร้างตัวถังนิรภัย Mega Frame ประกอบกับแชสซีส์ที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่น ผ่านการทดสอบในภูมิประเทศทุรกันดารทั่วโลก เพื่อทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกและต้านทานการเสียรูปทรงเพื่อการปกป้องผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตัวถังที่ทนทานถูกเสริมด้วยเหล็กกล้าเหนียวพิเศษ โดยมีการปรับลดน้ำหนักแต่เพิ่มความแข็งแกร่งในบางจุดให้กับโครงสร้างตัวถังนิรภัย

 

ห้องโดยสารโทนหรูนั่งสบายขึ้น อุปกรณ์เน้นง่ายต่อการใช้งาน

ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบโทนหรู และเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง พร้อมใส่วัสดุบุนุ่มมาให้ในหลายจุด เสริมความสะดวกสบายในการใช้งาน ตกแต่งด้วยโครเมี่ยมในหลายส่วนเพื่อสร้างบรรยากาศที่ทันสมัย จอแสดงผล ชุดมาตรวัดและสวิตช์ควบคุมต่างๆ มองเห็นได้อย่างชัดเจนสะดวกง่ายต่อการใช้งาน

สีในห้องโดยสารเน้นโทนสีดำ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์สีดำ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้ายังปรับด้วยมือเหมือนเดิม ควรจะให้เป็นไฟฟ้าคู่หน้าได้แล้ว จุดที่ทำได้ดีก็คือ พวงมาลัยหุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ขึ้น-ลง ใกล้-ไกล

 

จุดเด่นของภายใน คือ จอภาพมอนิเตอร์กลาง ขนาด 9 นิ้ว ที่เชื่อมโยงสั่งงานกับระบบอินโฟเทนเมนต์ สั่งงานได้ รวดเร็วด้วยระบบสัมผัส Touchscreen เป็นจอภาพมอนิเตอร์ของกล้องมองภาพรอบคัน ระบบอินโฟเทนเมนต์ รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย Wireless ระบบ Mirror Link ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth และระบบนำทาง Navigation System ส่วนพื้นที่เบาะหลังไม่ถึงกับกว้างแต่นั่งแล้วมีพื้นที่วางขาพอเพียง เพดานของรถก็ยังมีช่องแอร์ที่คอยเพิ่มความเย็นในวันที่มีอากาศร้อนจัด เป็นช่องแอร์เพดานที่ไม่มีในกระบะคู่แข่ง ความสะดวกสบายของเบาะผู้โดยสารตอนหลังยังมีช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า 12V ช่องเชื่อมต่อ USB Type A และ C

 

เครื่องยนต์ใหม่… ดีเซลเทอร์โบ 184 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

ลองกดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ Push Start Button ที่ย้ายลงมาอยู่ใต้แผงควบคุมอุณหภูมิ ดิจิทัล ทดลองกำลังของเครื่องยนต์ดีเซลสี่สูบแถวเรียง เทอร์โบ กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,250-2,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 6 สปีด ส่วนระบบเบรกด้านหน้าใช้ดิสก์เบรกด้านหลังแบบดรัมเบรก

จากกรุงเทพมหานครผ่านไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปลายทางที่จังหวัดสระบุรี New Triton รุ่น Double Cab Plus 2.4 Ultra AT ให้ความรู้สึกที่นิ่มนวลกว่ารุ่นก่อนปรับโฉม กำลังของเครื่องยนต์ใหม่ที่มีความจุเท่าเดิมไม่ได้บ่งบอกว่ารถแรงขึ้น แต่การตอบสนองของเครื่องดีเซลตัวใหม่นั้นไม่ชักช้า กดคันเร่งลงไปก็ออกตัวได้อย่างรวดเร็วทันอกทันใจ ทำงานได้อย่างราบรื่น การเปลี่ยนเกียร์ในโหมดออโต้ไหลลื่นใช้ได้ นั่งได้สบายๆ บนเส้นทางเดินทางข้ามจังหวัด

 

ส่วนการตอบสนองบนเส้นทางออฟโรดในสนามทดสอบที่จังหวัดสระบุรี ความสามารถเฉพาะตัวของรถกระบะยกสูงขับเคลื่อนล้อหลัง ต้องระวังเมื่อใช้ความเร็วสูงในสภาพผิวถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอ เช่น ลูกรังหินลอยและทางเนิน ขรุขระที่ค่อนข้างลื่น ด้วยแรงบิดที่ดีและมีความต่อเนื่องช่วยทำให้การขับขึ้นเนินชันจากอุปสรรคของสนามทดสอบจำลองนั้นผ่านไปได้แบบไม่ต้องกังวล

 

พวงมาลัยพาวเวอร์สายพานมอบการควบคุมที่พอใช้ได้ แม้ไม่ได้แม่นยำเท่ากับกระบะคู่แข่งที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้า แต่การเลี้ยวบนเส้นทางคดเคี้ยวสามารถควบคุมทิศทางได้เที่ยงตรงใช้ได้ทั้งทางเรียบและทางฝุ่น ส่วนกล้องมองภาพจอภาพมอนิเตอร์กลางขนาด 9 นิ้ว ช่วยอำนวยความสะดวกในการวางตำแหน่งรถเพื่อความปลอดภัยในการไต่เนิน

จุดเด่นในเรื่องการซับแรงสั่นสะเทือนของช่วงล่าง ที่มีการปรับเซ็ตช่วงล่างให้นิ่มขึ้น ระบบกันสะเทือนใหม่ ระบบรองรับด้านหน้า ดับเบิ้ลวิชโบน ปีกนกคู่ โช้กอัพสปริงที่กระบอกโช้กอัพด้านหน้าใหญ่ขึ้น 14% สูงขึ้น 20 มิลลิเมตร ขนาดกระบอกโช้กอัพหลังใหญ่ขึ้น 44% เพื่อความสบายในแบบเอสยูวี แต่ก็ยังมีอาการโคลงตัวอยู่บ้างบนทางออฟโรด ซึ่งเป็นเรื่องปกติของกระบะยกสูงที่ใช้ช่วงล่างหลังแบบแหนบซ้อน ที่เน้นการบรรทุกควบคู่

 

ระบบความปลอดภัย Diamond Sense

ปิดท้ายในเรื่องระบบความปลอดภัย มีการติดตั้งระบบความปลอดภัย ADAS เป็นระบบช่วยขับขี่ในชื่อเรียกว่า Diamond Sense ที่ประกอบด้วย ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)   กล้องมองภาพรอบคัน (MAM) 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อความปลอดภัยในการจอดรถ รวมถึงการขับบนเส้นทางออฟโรด

ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน  (BSW with LCA) ที่ระบบจะตรวจจับรถคันอื่นที่วิ่งอยู่ในเลนถัดไปทางด้านหลัง และส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตา

ระบบเตือนด้านหลัง ขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA) ที่เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง หากเซ็นเซอร์ด้านหลังตรวจพบรถคันอื่นเข้ามาในรัศมีการตรวจจับ ระบบจะส่งเสียงเตือน และสัญญาณไฟกะพริบบนกระจกมองข้างทั้ง 2 ด้าน พร้อมแสดงข้อความเตือนบนหน้าจอแสดงผล

ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) ที่จะทำงานทันทีที่เหยียบเบรกกะทันหัน ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้การหยุดรถเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) เป็นระบบเสริมความปลอดภัย โดยใช้เรดาร์ประเมินระยะห่างจากรถคันหน้าที่เตือนและช่วยชะลอความเร็ว และถุงลม 7 ตำแหน่ง

ในภาพรวมระบบช่วยขับขี่ Diamond Sense จะไม่มี ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และระบบช่วยคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ติดตั้งมาให้ในรุ่น Double Cab Plus 2.4 ULTRA 6AT 2WD ที่นับเป็นรุ่นที่สูงที่สุดของตัวขับเคลื่อน 2 ล้อคันนี้ครับ…

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

ในความคิดเห็นส่วนตัวกับ MITSUBISHI TRITON จัดเป็นรถปิกอัพอีกรุ่น ที่น่าสนใจ เพราะถูกพัฒนาขึ้นตามแนวคิดที่ครอบคลุมการใช้งาน เป็นหนึ่งในรถกระบะที่มีอุปกรณ์ครบเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งในระดับเดียวกัน ดีไซน์ทั้งภายนอกและภายใน การพัฒนาเฟรมหรือโครงรถ แชสซีส์ ช่วงล่างและเครื่องยนต์ที่ใหม่ กับการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ในรอบ 9 ปี

ในเรื่องการขับขี่ทั้งเส้นทางออนโรดและออฟโรด ที่ได้มีโอกาสทดสอบบนเส้นทางกรุงเทพฯ-สระบุรี เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ตัวใหม่นี้มีพละกำลังใช้ได้ครับ เครื่องยนต์ เกียร์ ทำงานสอดประสานกันได้ดี แรงบิดรอบต่ำในช่วงออกตัวถือว่าดี ทำให้มีความคล่องตัวในเมือง วิ่งทางไกลรถขับได้กำลังเนียนและต่อเนื่อง ความเร็วปลายไหลทำได้ดี การเร่งแรงแซงทันใจได้ไม่ต้องลุ้น สอดคล้องกับช่วงล่างที่นุ่มกว่าเดิมชัดเจนในตัวถังดับเบิ้ลแค็บ ขับสองยกสูง ระบบกันสะเทือนไม่เป็นสองรองใคร รองรับการยุบและการเด้งคืนของตัวถังได้อย่างมั่นคง ฟีลลิ่งการบังคับควบคุมรถยังตอบโจทย์ดีเอ็นเอความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และที่สำคัญช่วงล่างยังมอบความสบายมากขึ้น ให้กับคนที่ไม่ชอบอารมณ์กระแทกของกระบะยกสูงในอดีต

ด้วยความเป็นรุ่น 4 ประตู ขับ2 ยกสูง ตัวท็อป ถ้ามองว่าราคาพอรับได้ แลกกับประสิทธิภาพของรถ ระบบความปลอดภัย ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีของระบบอินโฟเทนเมนต์ อุปกรณ์ที่ให้มาที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของกระบะยกสูงขับเคลื่อนสองล้อยุคใหม่ในราคา 1.027 ล้านบาท ใครที่สนใจก็ลองต้องพิจารณาดูว่าตอบโจทย์ความต้องการหรือไม่

ส่วนถ้าใครไม่รีบและอยากมีทางเลือกเพิ่มเติม ในอนาคตเครื่องบล็อกนี้ก็จะมีทั้งเทอร์โบเดี่ยว และเทอร์โบคู่กำลัง 204 ที่มาพร้อมกับรุ่น Athlete ในรุ่นโฉมตัวท็อป รุ่นดับเบิ้ลแค็บ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เกียร์อัตโนมัติ  ออพชั่นเต็มที่มาพร้อมพวงมาลัยผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และโหมดการขับขี่ 7 โหมด และน่าจะได้เห็นรถตัวเป็นๆ กันภายในปลายปีนี้ครับ…