“ซินจ่าว” ดานัง-เว้ มนต์เสน่ห์แห่งเวียดนาม กับ MAZDA DNA SKYACTIV CARAVAN EAST–WEST ECONOMIC CORRIDOR

  • July 19, 2017

      อีกหนึ่งทริปประวัติศาสตร์ของการขับรถเพื่อทดสอบสมรรถนะข้ามประเทศกับ MAZDA DNA SKYACTIV CARAVAN บนเส้นทาง EAST–WEST ECONOMIC CORRIDOR จากเวียดนาม-ลาว-ไทย-พม่า เชื่อมโยงอารยธรรม เชื่อมโยงเศรษฐกิจจากมหาสมุทรแปซิฟิกสู่มหาสมุทรอินเดีย

 

         2,900 กิโลเมตร ของการเดินทางที่ใช้รถยนต์กว่า 10 คัน ที่มี DNA สกายแอคทีฟใหม่ล่าสุดปี 2017 ของมาสด้าทุกรุ่นตั้งแต่ Mazda2 Mazda3 Mazda CX-3 และ Mazda CX-5 ทุกรุ่น เน้นเครื่องยนต์เบนซิน รถทุกคันสตาร์ททั้งวันทุกวัน ล้อหมุนตลอด 7 วัน เดินทางในทุกสภาพถนนทุกสภาพการจราจร ทุกสภาพภูมิอากาศและทุกภูมิประเทศ ผ่านไปในทุกประเทศที่กล่าวมาทั้ง 4 ประเทศ สาเหตุที่มาสด้าเลือกเส้นทางด้วยรถยนต์ 2,900 กิโลเมตร นี้ก็เพราะกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก 6 ประเทศ ได้มีการกำหนด 9 เส้นทางหลักเพื่อเป็นพื้นที่พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ Greater Mekong Subregion (GMS) ดังนั้น ขบวนคาราวานรถยนต์มาสด้าจึงเลือกเดินทางบนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ แนวตะวันออกมุ่งหน้าสู่ตะวันตก หรือที่รู้จักกันในชื่อ EAST-WEST ECONOMIC CORRIDOR เรียกว่าเส้นทาง R2 หรือ R9 เมื่ออยู่ในประเทศลาว ซึ่งคาราวานจะใช้เส้นทาง R2 เป็น

เส้นหลักในการเดินทางครั้งนี้

        ทริปนี้มีสื่อมวลชนที่มีประสบการณ์ในการขับขี่เพื่อการทดสอบหมุนเวียนกันขับตลอดเส้นทาง 3 กลุ่มกว่า 80 ชีวิต รวมทั้งผมเองในฐานะตัวแทนจาก C max Car และเว็บไซต์ www.Autojamthailand.com ที่รับอาสามาทำหน้าที่มาแทนเจ้านายใหญ่ของบริษัท ทาร์เก็ตมีเดียแอนด์เทเลวิชั่น จำกัด คุณพี่จิรายุ ห่วงทรัพย์ มาบันทึกหน้าประวัติศาสตร์นี้เป็นกลุ่มแรก และกลุ่มเดียวที่ต้องบินตรงสู่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม และต้องขับรถอีก 3 วันมุ่งหน้าทิศตะวันตก ผ่าน สปป.ลาว เข้าสู่ไทยข้ามแม่น้ำโขงที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ในเขตจังหวัดมุกดาหาร

  DAY 1 “ซินจ่าว” ดานัง-เว้  มนต์เสน่ห์แห่งเวียดนาม กับ Mazda3 Hatchback Skyactiv-G  

          เพราะทางมาสด้าปักหมุดของการเดินทางไว้ที่ดานังครับ คณะเรากว่า 30 ชีวิต บินลัดฟ้าตรงสู่ดานัง ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ 2 ชั่วโมง เศษเราก็ถึงเมืองท่าดังริมทะเลจีนใต้ที่ชื่อดานัง ของเวียดนามตอนกลาง มาถึงสนามบินดานังผมก็ได้ใช้เงินด่อง ที่เตรียมมาเพื่อแวะซื้อซิมการ์ดเวียดนามที่สนามบิน เพื่อจัดการกับเรื่องการสื่อสารส่วนตัวให้โทรศัพท์สามารถใช้งานได้ทันที เพราะชีวิตจะดีถ้ามีโซเชี่ยลครับ

           มาเหยียบแผ่นดินเวียดนามครานี้สบายอกสบายใจ เพราะได้มีโอกาสเจอะเจอคนคุ้นเคย ทีมงานคุณภาพจากทรานเอเชีย รูท นำโดยเจ้าของบริษัท คุณกิตติ นิลถนอม และมีคุณอ้น เอก อั้ม เป็นทีมสตาฟผู้นำทางขบวนคราวนี้ รวมทั้งยังเป็นผู้นำทางในคาราวานออโต้แจมทุกครั้งของทางบริษัททาร์เก็ตมีเดียฯ รวมถึงคาราวานออโต้แจม ครั้งที่ 18 ที่กำลังจะเกิดขึ้น กับทริปสัมผัสกลิ่นอายมนต์เสน่ห์ของธิเบตที่แชงกรี-ล่า

       ผมยืนดูนาฬิกาข้อมือเพื่อเตรียมจะปรับจูนเวลามาให้ตรงกับทีเวียดนาม แต่ไกด์ประจำทริปบอกช้าก่อนๆ คุณพี่ เวลาและอากาศที่ดานังนี้แทบไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากกรุงเทพฯ สำหรับผมแล้วแม้ก่อนหน้าที่จะเดินทางจะไม่ได้ไปฟังถึงรูทการขับและโปรแกรมต่างๆ ที่ทางมาสด้านัดบรีฟไว้เรียบร้อยตั้งแต่จากเมืองไทย แต่ก็โชคดีเพราะมีสื่อพี่ใหญ่ใจดี 2 ท่าน คือ คุณตุ้ย-วชิระ เรืองมาลัย บก.ใหญ่จากนิตยสารและเว็บไซต์อะคาร์ และคุณพี่วิท-วิทยา กิญชาญไพบูลย์ จากนิตยสาร Business+ ผู้รอบรู้มาเป็นสมาชิกร่วมทริป และเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่ทั้งสลับกันขับและนั่งรวม 3 ชีวิต ในรถ Mazda3 Hatchback   

เยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์มาสด้าที่ดานัง

      “ขับรถชิดขวานะครับ อย่าลืมนะครับสมาชิก” เสียงวิทยุสื่อสารจากรถคาราวานลีดเดอร์เริ่มต้นทักทายเช้าวันแรกในเส้นทางของเวียดนาม ผมและสมาชิก รวมทั้ง 3 คน ต้องขับราว 287 กิโลเมตร จากดานังถึงเว้ รูทวันนี้กับ Mazda3 แฮทช์แบ็ค 5 ประตู รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2017 กับรูปลักษณ์สปอร์ตภายในทันสมัย เพราะปรับเปลี่ยนใหม่หลายรายการ รวมทั้งเพิ่มเบรกมือไฟฟ้า เรียกได้ว่าเป็นเก๋งคอมแพ็คญี่ปุ่นที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองไม่เหมือนเก๋งญี่ปุ่นยี่ห้ออื่น

          ด้วยความคล่องตัวและเป็นรถที่ให้ฟีลลิ่งในการขับแบบสปอร์ตมากกว่าคู่แข่งแบบเห็นได้ชัดว่า เจ้าของต้องเป็นคนที่มีคาแร็คเตอร์พิเศษ นั่นคือเป็นคนชอบขับรถ เพราะรถถูกดีไซน์มาให้เพื่อการขับขี่ที่แท้จริง ให้ความรู้สึกที่อยากบังคับควบคุมหรือสนุกกับการหมุนพวงมาลัยและอยู่กับมันได้โดยไม่เบื่อ

       ส่วนของเด่นที่เป็นไฮไลท์ของรถก็อยู่ที่ระบบ จี-เวคเตอริ่ง คอนโทรล (GVC) – ที่ทางมาสด้าบอกเป็นเทคโนโลยีใหม่แกะกล่องเพื่อการสั่งการรถโดยใช้เครื่องยนต์เสริมสมรรถนะช่วงล่าง นับเป็นเทคโนโลยีแรกภายใต้ซีรี่ส์ใหม่ สกายแอคทีฟ-วีฮิเคิล ไดนามิกส์

         ทางมาสด้าพยายามเสาะแสวงหาการเปลี่ยนผ่านของแรงจีที่ราบรื่นที่สุดเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นในจังหวะเบรก เลี้ยว หรือเร่งความเร็ว เนื่องจากนี่คือองค์ประกอบสำคัญของ จินบะ-อิตไต GVC นั้นมีพื้นฐานอยู่บนความคิดแหวกแนวที่ว่าให้เครื่องยนต์นั้นช่วยเสริมประสิทธิภาพของช่วงล่างและสอดคล้องกับปรัชญาในการพัฒนาว่าด้วยมนุษย์เป็นศูนย์กลางของมาสด้า ผลลัพธ์ที่ได้คือการเปลี่ยนผ่านของแรงจีที่ราบรื่นยิ่งกว่าเดิมในทุกสถานการณ์การขับขี่

        โปรแกรมบ่ายวันนี้จะต้องขับไปเยี่ยมชมโรงงานประกอบรถยนต์มาสด้าที่อยู่ไกลออกไปราว 100 กิโลเมตร เลยได้ลองกดคันเร่งเรียกพลังเบนซิน สกายแอคทีฟ จี 165  แรงม้า 1,998 CC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ พีเอส ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 210 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ในรถ Mazda3 แฮทช์แบ็คและมาทันก่อนที่โรงงานจะปิดทำการในเวลา 4 โมงเย็นนั่นหละครับ

        โรงงานแห่งนี้เริ่มก่อตั้งและเดินเครื่องผลิตรถมาสด้ามาตั้งแต่เมื่อปี 2554 อยู่นอกเมืองดานังออกไปราว 100 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่เมืองชื่อว่า Quang Nam (กวางนาม) บริเวณภาคกลางของเวียดนาม ภายใต้ชื่อ VINA Mazda Plant ภายใต้การบริหารงานของกลุ่ม THACHO Group (Truong Hai Auto) ซึ่งดำเนินธุรกิจรถยนต์แบบครบวงจร

ในเขตโรงงานมีการผลิตรถยนต์หลากหลายยี่ห้อครับ ทั้งยี่ห้อTHACHO เองและยี่ห้ออื่น ๆ อาณาจักรกว้างขวางประมาณนิคมอุตสาหกรรมบ้านเราล่ะครับ มีหลายโรงงานอยู่ในนั้นตั้งแต่รถเล็กไปจนกระทั่งรถใหญ่ รถบัส มีท่าเรือและระบบโลจิสติกส์ครบวงจร สำหรับความใหญ่โตของโรงงานผลิตรถยนต์มาสด้านั้นดูได้จากการใช้งบประมาณลงทุนไม่มากไม่น้อยครับราวๆ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำลังผลิตราว 30,000 คัน ผลิตตั้งแต่ Mazda2 Mazda3 Mazda6 และ Mazda CX-5

          แม้สภาพถนนในดานังถึงเว้ วันแรกกับระยะทางกว่า 270 กิโลเมตรที่ลาดยางกลางเก่ากลางใหม่ เรียกได้ว่าสภาพดีปานกลาง ปริมาณจักรยานยนต์เยอะ แต่ก็ไม่ได้จัดว่าเยอะยั้วเยี้ยเหมือนในเมืองหลวงใหญ่อย่างฮานอย หรือโฮจิมินห์ แต่การขับก็ต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจขับขี่และมีสมาธินิดหนึ่งครับ แต่ตลอดทั้งวันนี้คอมแพ็ค Mazda3 Hatchback ก็ให้ความสะดวกสบายในการเดินทางเป็นอย่างดี จากเบาะนั่งโอบกระชับสรีระทำให้ไม่เมื่อยเมื่อได้ลองนั่งในระยะเวลายาวนานตลอดทั้งวัน เพราะความที่ทั้งปีกเบาะทั้งฐานเบาะมันรับสรีระพอดี นั่งแล้วให้ความรู้สึกมั่นใจไม่เมื่อยล้า ส่วนอัตราเร่งที่ดีขับสนุกช่วงล่างหนึบ วันแรกเราถึงที่พักทางไกลกันไม่ค่ำมากครับ ได้ทานมื้อค่ำและเข้าพักที่โรงแรมในเมืองเว้ชื่อ โรงแรม Indochaine Palace Hue Hotel รวมถึงได้เซอร์ไพรส์วันเกิดให้คุณอุทัย เรืองศักดิ์  ผอ.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สายฮา… ของมาสด้าประเทศไทยกันในค่ำคืนนี้ที่เว้ด้วยครับ…

 

DAY 2 399 KM เมืองเว้–สะหวันนะเขต–จังหวัดมุกดาหาร กับ SUV สไตล์สปอร์ต Mazda CX-5         

            เช้านี้ที่เมืองเว้ เมืองมรดกโลกของเวียดนามหลังทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ ผมเดินลากกระเป๋าเดินทางมาวางเก็บสบายๆ ที่ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายรถ SUV สไตล์สปอร์ต Mazda CX-5 กับตัวรถยกสูงของรถประเภทครอสโอเวอร์ ผมว่ามันน่าจะมีทัศนวิสัยที่เปิดแบบกว้างขวางบนเส้นทางยาวๆ วันนี้ ให้ผมได้เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์สองข้างทาง

เมืองเว้ เป็นชื่อของเมืองหลวงของจังหวังถัวเทียน-เว้ ประเทศเวียดนามครับ เป็นชื่อเมืองที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี  เพราะเมืองเว้อยู่ห่างจากจังหวัดมุกดาหาร(ไทย)–สะหวันนะเขต(ลาว) ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณไม่นานเพียง 9 ชั่วโมง และสามารถเดินทางเช้าถึงเย็นภายในวันเดียวได้ นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางเที่ยวระหว่างประเทศไทย-ลาว-เวียดนาม ที่ประหยัดที่สุด มีสะดวกปลอดภัยและได้รับความนิยม

          ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเมืองเว้ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศเวียดนาม ริมฝั่งแม่น้ำหอม ถัดเข้ามาในแผ่นดินจากริมฝั่งทะเลจีนใต้เพียง 2-3 ไมล์ ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ประมาณ 540 กิโลเมตร และห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางเหนือประมาณ 644 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง ที่สำคัญเมืองเว้ยังถือเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของเวียดนามอีกด้วย

 “ไดนอย" พระราชวังต้องห้ามแห่งเวียดนาม

         ล้อหมุนออกเดินทางเวลา 9 โมงเช้า เส้นทางการขับของวันนี้คาราวานจะเดินทางออกจากเมืองเว้ (เวียดนาม)– สะหวันนะเขต(ลาว)–จังหวัดมุกดาหาร(ไทย) เราออกเดินทางกันแบบสบายๆ ครับ กะว่าถึงเมืองไทยค่ำๆ เดิมทีเดียวโปรแกรมจะมีแวะเยี่ยมชมพระราชวังโบราณเมืองเว้ แต่ต้องยกยอดออกไปเป็นการขับทัวร์เลียบรั้ววังเพื่อทำเวลาในการมุ่งหน้าสู่ด่านชายแดนเวียดนาม-ลาว และฟังบรรยายความเป็นมาของพระราชวังโบราณเมืองเว้ จากคณาจารย์ที่มาบรรยายประวัติศาสตร์และให้ความรู้ผ่านเครือข่ายวิทยุที่ใช้สื่อสารแทน....ที่ก็น่าสนใจเพราะในแง่ประวัติศาสตร์ชาติ เมืองเว้เป็นเมืองหลวงที่ถูกปกครองโดยราชวงศ์เหงียน ซึ่งนับเป็นราชวงศ์สุดท้ายในประเทศเวียดนามที่ปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ ที่มีกษัตริย์รวมทั้งสิ้น 13 พระองค์

             ถ้านับย้อนไปในช่วงปี พ.ศ. 2348 ที่กษัตริย์ยาลองซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหงียน ได้สถาปนาเมืองเว้เป็นราชธานี และสร้าง "พระราชวังไดนอย" (Dai Noi ) ขึ้นริมฝั่งแม่น้ำหอม โดยนำแบบอย่างและคติความเชื่อมาจาก "พระราชวังกู้กง" หรือ "พระราชวังต้องห้าม" ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

 

จากเมืองเว้ข้ามพรมแดน 2 ประเทศ เวียดนาม-ลาวถึงไทย

     จากเมืองเว้ ประเทศเวียดนาม มุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศไทยวันนี้คาราวาน MAZDA DNA SKYACTIV CARAVAN เราจะข้ามพรมแดน 2 ประเทศ คือข้ามจากเวียดนามไปลาว และข้ามจากลาวพรวดมาถึงเมืองไทยที่จังหวัดมุกดาหาร ที่พักในคืนที่ 2 ก็คือ โรงแรมพลอยพาเลซ จังหวัดมุกดาหาร ระยะทางรวมในการขับข้ามประเทศวันนี้คือ 399 กิโลเมตร โดยเป็นการขับจากเมืองเว้สู่ชายแดนลาวที่ด่านชายแดนที่เรียกว่าด่านลาวบาว ด่านพรมแดนที่กั้นเขตแดนระหว่างประเทศเวียดนามกับลาวครับ

             “หมดรถบรรทุกใหญ่ขาวแล้ว 04 05 06 แซงขึ้นมาได้เลยครับ” เสียงวิทยุสื่อสารจากรถคาราวานลีดเดอร์ จากทีมงานทรานเอเซีย คอยสื่อสารสลับไปกับการขานบอกเส้นทางตลอดทาง สภาพเส้นทางจากเมืองเว้เริ่มมุ่งหน้าชายแดนทิวทัศน์จากเมืองจะเริ่มมีเขาโค้ง การขับรถจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ จนมาแวะรับอาหารเที่ยงกันที่เวียดนามก่อนจะข้ามพรมแดน โดยมีม้าเร็วทีมงานของทราบเอเซียหอบหิ้วเอกสารทั้งพาสปอร์ตรถและพาสปอร์ตคนไปรอท่าอยู่ที่ด่านชายแดนเพื่อความคล่องตัวและรวดเร็วในการข้ามแดน

 

Mazda CX-5 เบนซิน สกายแอคทีฟ จี บนเส้นทาง R2 ในลาว

          หลังผ่านพิธีการที่ชายแดนเวียดนามและลาว ชีวิตทั้งวันนี้ กับรถ Mazda CX-5 ครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ 5 ที่นั่งของมาสด้าที่นำไปกับขบวนครั้งนี้ก็เป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน สกายแอคทีฟจี เหมือนกันครับ คือใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับ Mazda3 เบนซิน 2.0 ลิตร ขนาดความจุ 1,998 CC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ แรงม้า 165 พีเอสที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 210 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

         จากนี้ไปจะเป็นเส้นทางใน สปป.ลาว เส้นทาง R2 หรือ R9 เมื่ออยู่ในประเทศลาว ซึ่งคาราวานจะใช้เส้นทาง R2 เป็นเส้นหลักในการเดินทางครั้งนี้ จากด่านลาวบาวที่บ้านแดนสวรรค์ของลาวเส้นทางมุ่งตะวันตกคือพรมแดนลาว-ไทย เส้นทางแปลกตาไปมากครับ ถนน 2 เลนสวนกว้างใหญ่พอควรสามารถทำความเร็วได้รถไม่เยอะแต่ก็มีบ้างที่สวนเลนจำพวกรถบรรทุกใหญ่

        ด่านชายแดนลาวช่วงข้ามเขตไปไทยในจังหวัดสะหวันนะเขตของลาววิ่งจากด่านลาวบาวของเวียดนาม รวมระยะทางคร่าวๆ ประมาณ 230 กิโลเมตรได้ครับ ผมใช้เส้นทางนี้หลายคราวแล้วครับ ตั้งแต่ช่วง 5 ปีที่แล้วเคยให้บริการกับกลุ่มลูกค้าคาราวานจากเมืองไทยเดินทางผ่านเส้นทางนี้ เพื่อขับรถทะลุไปเวียดนามเที่ยวเมืองเว้ ดานัง และเมืองเก่ามรดกโลก ฮอยอัน..ฉันรักเธอ

       สภาพเส้นทางที่คาราวานจะใช้เวลาเดินทางกันเกือบทั้งวันในวันนี้ มีทั้งวิวบ้านไม้มุงแฝกและเริ่มมีบ้านตึกซีเมนต์ทรงสวยๆ ให้เห็น เพราะริมถนนเส้นนี้จะเป็นทำเลทองในอนาคต เป็นถนนสายเศรษฐกิจอีกสายหนึ่งที่เชื่อมไทย-ลาวและเวียดนาม จากปั๊มหลอดแบบบ้านๆ มาในวันนี้เปลี่ยนไปเพราะเริ่มมีสถานีบริการน้ำมัน มี ปตท. เป็นช่วงๆ ให้เห็น

          Mazda CX-5 เบนซิน สกายแอคทีฟ จี พาผมเดินทางแบบรื่นรมย์พลังเหลือเฟือ รถที่ไปกับขบวนสกายแอคทีฟ เทคโนโลยีสูงของมาสด้าคราวนี้เป็นรถใหม่ที่ลงเทคโนโลยีสกายแอคทีฟไว้เต็มคันครับ ผนวกไปด้วย 4 หัวใจหลักของรถยนต์ เช่น เครื่องยนต์ทั้งเบนซิน เครื่องยนต์ดีเซล ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โครงสร้างตัวถังและแชสซีส์ที่พร้อมส่งมอบการขับขี่แบบ ซูม-ซูม สไตล์สปอร์ตของมาสด้า ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและให้ความปลอดภัยสูงสุด โดยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดทั้งหมดนี้จะอยู่ในรถในอนาคตของมาสด้าทุกรุ่นจนกลายเป็น MAZDA DNA SKYACTIV

        ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ถูกนำมาใส่ในมาสด้าในยุคปัจจุบันกับสกายแอคทีฟ-วิฮีเคิล ไดนามิกส์ (SKYACTIV – Vehicle Dynamics) ที่มาพร้อมกับระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ (G-Vectoring Control: GVC) ซึ่งเป็นการต่อยอดจากเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ช่วยผสานการทำงานของรถยนต์ทั้งคัน ทั้งเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถัง รวมไปจนถึงระบบช่วงล่างที่สอดประสานการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถรีดสมรรถนะอันทรงพลังได้เต็มขั้น สัมผัสความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างผู้ขับขี่กับรถ ผนวกแนวคิด จินบะ–อิไต (Jinba-Ittai) ได้มากยิ่งขึ้น ให้อารมณ์สปอร์ตเร้าใจ แม้กระทั่งผู้โดยสารยังรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง

        หากเจาะลึกถึงองค์ประกอบ DNA ของมาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ–วิฮีเคิล ไดนามิกส์ กับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน (SKYACTIV-G) คือเครื่องยนต์เบนซินแบบไดเรกต์อินเจกชั่นที่ให้ประสิทธิภาพสูง เจเนอเรชั่นใหม่ที่เป็นนวัตกรรมชิ้นเอกของวงการยานยนต์โลก นับว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีอัตราแรงอัดอากาศในการเผาไหม้สูงที่สุดของโลก คืออัตรา 14:1 โดยที่เครื่องยนต์ไม่เกิดอาการน็อคเผาไหม้สมบูรณ์ ให้แรงม้าและแรงบิดสูงพร้อมการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

        SKYACTIV-Drive ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 Speed คือ ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเจเนอเรชั่นใหม่ที่ส่งถ่ายแรงบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมแบบอิเล็กทรอนิกส์ แม่นยำ ราบรื่น ต่อเนื่องและประหยัดน้ำมันในทุกรอบความเร็ว ซึ่งทั้ง 2 เครื่องยนต์ช่วยรักษามลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย รวมจุดแข็งของเกียร์อัตโนมัติได้ครบทุกประการในส่วนของโครงสร้างตัวถัง

 

        SKYACTIV-Body ที่ถูกพัฒนาเพื่อลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็นลง เป็นโครงสร้างที่คงความแข็งแกร่ง เสถียรและให้ความปลอดภัยสูงสุดจากแรงปะทะรอบทิศทางผลิตจากเหล็กกล้าที่ทนแรงดึงสูง เหนียว แข็งแกร่ง มีน้ำหนักเบา อีกทั้งยังช่วยลดแรงกระเทือนจากพื้นถนนควบคู่ไปกับการกระจายแรงปะทะที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ และองค์ประกอบสุดท้ายที่สำคัญกับช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟ

         SKYACTIV-Chassis คือแชสซีส์เจเนอเรชั่นใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพสูง มีน้ำหนักเบา แต่ให้สมดุลที่สมบูรณ์แบบของทั้งการควบคุมการขับขี่ที่สะดวกสบายและปลอดภัยสูงสุด ที่คล่องตัวด้วยระบบช่วงล่างที่เกาะถนนมั่นคง พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่เป็นตัวช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ซึ่งส่งผลโดยตรงในเรื่องของความปลอดภัย เมื่อทั้ง 4 หัวใจหลักของมาสด้าเริ่มสอดผสานการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เกิดสมรรถนะการขับขี่อันทรงพลังให้สัมผัสการขับขี่อย่างมีเอกลักษณ์ของมาสด้า นั่นคืออารมณ์สปอร์ตที่ให้ความสนุก เร้าใจ สนุกทุกการขับขี่

           กลิ่นหอมละมุนของกาแฟ G7 กาแฟเวียดนามรสชาติเข้มข้น ช่วยเติมพลังในช่วงคอฟฟี่เบรกระหว่างเส้นทางที่เราหยุดพักเพื่อคลายความง่วงและเหนื่อยล้า จนขบวนเดินทางผ่านลาวฉลุยครับ 230 กิโลเมตร ผ่านไปแบบรวดเร็วรถทุกคันไม่มีแสดงอาการใดๆ ผู้ขับยังคงสนุกสนานกับการขับขี่และเพลิดเพลินไปกับสองข้างทาง เข้าสู่แขวงสะหวันนะเขต ชายแดนลาว-ไทยในช่วงเย็น และผ่านออกจากลาวเข้าไทยด้วยกระบวนการที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนอะไร ตะวันไม่ทันลาฟ้าเราก็เข้าสู่แผ่นดินไทย ขบวนข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 เข้าสู่ประเทศไทยที่จังหวัดมุกดาหาร รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม Ploy Palace พร้อมชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจวันนี้ที่มุกดาหาร

DAY 3 มุกดาหาร-ขอนแก่น–เพชรบูรณ์–พิษณุโลก 555 กม. กับไอ้ตัวเล็กอีโค่คาร์ Mazda2

             มีคำถามจากเพื่อนสื่อมวลชนร่วมทริปว่า นอกจากปลายทางวันนี้คือ ที่พิษณุโลกเรานัดขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯแล้ว มีเหตุผลอื่นๆ อีกไหมที่ทำให้วันนี้คาราวาน MAZDA DNA SKYACTIV CARAVAN ต้องขับรถยาวไปๆ บนเส้นทางในประเทศไทยเราเอง ที่เริ่มจากมุกดาหาร ผ่านขอนแก่น หล่มสัก เพชรบูรณ์และมาจบที่พิษณุโลก ทางมาสด้าผู้กำหนดรูท เส้นทางก็อธิบายว่า มันมีเหตุผลครับ เพราะที่นั่นเป็นจังหวัดที่รัฐบาลไทยปลุกปั้นให้เป็นเส้นทางสายเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงการเดินทางจากทั่วทุกสารทิศ นั่นคือ “4 แยกอินโดจีน” ด้วยตำแหน่งที่อยู่กึ่งกลางจุดตัดระหว่าง NSEC และ EWEC จึงเกิดการเชื่อมโยงเศรษฐกิจจากทั้ง 4 ทิศ ภาครัฐจึงสนับสนุนให้เกิดการลงทุน มีการจัดตั้งศูนย์บริการกระจายสินค้าและการท่องเที่ยวทางธรรมชาติสร้างรายได้ให้ครัวเรือนได้อีกด้วย

         วันนี้เราย้ายรถกันอีกรอบครับ ขนสัมภาระและกระเป๋าออกจาก Mazda CX-5 ย้ายมาอยู่ใน Mazda2 แฮทช์แบ็ค 5 ประตู ไอ้ตัวเล็กเครื่องเล็กระดับอีโคคาร์ที่จะพาผมผ่าน 500 กิโลเมตร บนเส้นทางยาว ๆ แบบวันนี้ คาราวาน MAZDA DNA SKYACTIV CARAVAN ล้อหมุนกันแบบสบายๆ จากมุกดาหาร เวลา 9 โมงเช้า ที่หมายแรกคือขอนแก่นสำหรับอาหารกลางวัน

           พูดถึงตัวรถ Mazda2 ที่ขายในบ้านเราเป็นแนวรถเล็ก ประหยัด แต่มีคาแร็คเตอร์สปอร์ตที่มี 2 แบบครับ คือ 4 ประตู ซีดานและ 5 ประตูแฮทช์แบ็ค มีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน สกายแอคทีฟ จี และดีเซล สกายแอคทีฟ ที่หลายคนยกนิ้วให้ในเรื่องความพรีเมี่ยม แต่เนื่องจากคาราวานเที่ยวนี้ มาสด้าต้องการให้ได้สัมผัสถึงขุมพลังและความทนทานของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ จี อย่างที่บอก รถทุกรุ่นที่นำไปทดลองขับแบบคาราวานเลยจัดไปแบบเบนซินทั้งหมด รวมถึงมาสด้า 2 แฮทช์แบ็คคันที่ผมได้ขับจากมุกดาหารไปพิษณุโลกคันนี้ด้วยครับ

         มาดูสเปกรถกันครับ Mazda2 เบนซินอีโคคาร์กับเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร วางเครื่องยนต์เบนซิน สกายแอคทีฟ จี 4 สูบ 16 วาล์ว 1,299 CC จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ไดเรกต์อินเจกชั่น แรงม้า 93 พีเอส ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิด 123 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ถ่ายทอดกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟไดร์ฟ 6 สปีด พร้อมระบบควิกชิฟท์แอคทีฟเมติก ส่วนระยะทางวิ่งวันนี้ก็ 500 กิโลเมตรเบาๆ จัดไปครับ ที่สำคัญวันนี้ต้องเจอทางโค้งทางเขาเยอะพอสมควร

แวะเยี่ยมชมดีลเลอร์มาสด้าขอนแก่น

         หลังอาหารกลางวันคาราวาน MAZDA DNA SKYACTIV CARAVAN มีโอกาสได้แวะเยี่ยมชมกิจการดีลเลอร์มาสด้าขอนแก่น โชว์รูมใหม่ที่กำลังก่อสร้างของกลุ่มมาสด้า พิจิตรเพชร ขอนแก่น บนพื้นที่ 3 ไร่กว่า ได้มาตรฐาน MCI ของมาสด้า ที่ว่ากันว่าหากแล้วเสร็จโชว์รูมนี้จะหลายเป็นโชว์รูมมาสด้าที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดของมาสด้าในต่างจังหวัด

ซ่าจนหยดสุดท้าย “พิสูจน์ความประหยัดน้ำมัน Mazda2 บนเส้นทางชุมแพ-น้ำหนาว-หล่มสัก

        จากขอนแก่นคาราวาน MAZDA DNA SKYACTIV CARAVAN มุ่งหน้าสู่พิษณุโลกด้วยเส้นทางชุมแพ-น้ำหนาว -หล่มสักครับ ช่วงนี้เจอพายุฝนกระหน่ำอย่างแรงประมาณปัดน้ำฝนเบอร์ 3 แต่ทุกคันก็เอาอยู่ครับ จากน้ำหนาวก่อนถึงหล่มสัก ได้พิสูจน์น้ำมันสำรองในถัง Mazda2 กันเลยครับ ถังความจุ 35 ลิตรใช้หมดไปแล้ว ไฟเหลืองโชว์บนเขาช่วงน้ำหนาวจนต้องร้องหาปั๊ม..ปั๊ม..ปั๊ม แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีสถานีบริการครับ คันเราลากไปเกือบ 70 กิโลเมตร กว่าจะลงเขามาเจอปั๊มที่หล่มสัก ก็เรียกได้ว่าลากไปจนหยดสุดท้ายพอดีครับ

      Mazda2 กับระยะยืน 500 กว่ากิโลเมตร ถือว่าสอบผ่านครับ เบาะนั่งหน้ากระชับ ขับสนุก ช่องวางขาออกแบบได้ฉลาดดีครับ พักขาซ้ายของคนขับมีช่องสอดขาเข้าไปได้ลึกดี วางขาได้สบายกว่าซีดานขนาดใหญ่หลายรุ่นเลยด้วยซ้ำ ทำให้การจัดท่าทางในการนั่งเหมือนอารมณ์ขับรถคันใหญ่ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น เบาะนั่งที่กระชับช่วงท้ายที่สั้นกว่าซีดานทำให้รถให้ตัวและคล่องตัวกว่าซีดาน กลายเป็นความสนุกสนานมากกว่าเวลาขับในโค้งในเขา สปีดก็ไม่เลวครับ ใช้เกียร์ช่วยควิกชิฟท์ทั้งดันทั้งหยุดช่วยเบรก เกียร์แม่นยำดีนั่ง 3 คน รถเสถียรดีมาก คนหลังนั่งไม่มีเวียนหัว เพราะรุ่นนี้มี GVC มาให้แล้ว ผมยังบอกเลยว่าเที่ยวนี้ได้พิสูจน์และทดลองอุปกรณ์นี้แบบจริงๆ จังๆ  เพราะตลอดเส้นทางผ่านเขาค้อ ทุ่งแสลงหลวงที่มีถนน 4 เลนเสร็จเรียบร้อย การขับเข้าโค้งในเขาใช้สมรรถนะกันแบบสุด ๆ ถนนโล่งๆ กว้างๆ ทั้งขบวนสนุกสนานกับการควบคุมรถได้อารมณ์กันอย่างเต็มที่ครับ

         มุกดาหาร–พิษณุโลก นับเป็นเส้นทางขับรถที่น่าใช้ ทัศนียภาพข้างทางสวยงาม ถนนดี สำหรับผมถือเป็นเส้นทางที่น่าประทับใจ คณะเราถึงพิษณุโลกและพักที่โรงแรม Pattara Resort & Spa เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจของกลุ่มแรก ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะทิ้งรถไปสนามบินแต่เช้าตรู่ เพื่อกลับกรุงเทพฯ รอการเดินทางอีกครั้งของสื่อมวลชนและผู้บริหารมาสด้า เพื่อร่วมสร้างเส้นทางประวัติศาสตร์เชื่อมโยงอารยธรรม บนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจกับกิจกรรม MAZDA DNA SKYACTIV CARAVAN โดยฝูงสกายแอคทีฟ 11 คัน ประกอบไปด้วย a Mazda 2, Mazda3, Mazda CX-3 และ Mazda CX-5 ในส่วนของสื่อมวลชนกลุ่ม B  ที่เดินทาง 716 กิโลเมตร จากพิษณุโลกมุ่งหน้าไปแม่สอด–มะละแหม่ง และจบที่เมืองย่างกุ้งไปท่องเที่ยวสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวพม่า ที่แม้แต่คนไทยยังต้องดั้นด้นไปไหว้ขอพร ที่เจดีย์โบดาทาวน์หรือวัดเทพทันใจ วัดเจ๊าทัตยี พระนอนองค์ใหญ่ที่ตาหวานที่สุด และปิดท้ายกับการได้ไปสักการะเจดีย์ชเวดากอง เจดีย์ทองคำที่สวยงามและบินกลับกรุงเทพ และในส่วนของสื่อมวลชนกลุ่ม C คณะปิดท้ายที่บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปย่างกุ้ง และขับเข้ากรุงเทพฯ กับระยะทาง 933 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งหมดของทริปนี้ประมาณ 2,890 กิโลเมตร

          เพราะนี่คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์สมรรถนะของมาสด้า เบนซิน สกายแอคทีฟจี ของ MAZDA DNA SKYACTIV CARAVAN ครับ ขอแสดงความขอบคุณทีมงาน บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ทีมงาน บริษัท ทรานเอเชียรูท จำกัด เพื่อนร่วมงานสื่อสารมวลชนทุกท่านทุกคณะที่ได้ร่วมให้ประสบการณ์ที่ดีในการขับขี่รถในต่างแดนครั้งนี้