สิ่งแรกที่ผมนึกถึงถ้ามีใครถามผมในเรื่องความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวไทยและชาวญี่ปุ่น คงเป็นละครเรื่อง “คู่กรรม” ที่มีพระเอกเป็นหนุ่มโกโบรินายทหารชาวญี่ปุ่น กับตำนานรักที่แสนจะโรแมนติกกับสาวชาวไทยชื่ออังศุมาลิน และสนามไทย-ญี่ปุ่น ที่ดินแดง
แต่อันที่จริงแล้วความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวไทยและชาวญี่ปุ่น ที่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการที่มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณือักษรนั้น คือความสัมพันธ์ทางด้านการทูตครับ โดยมีการลงนามหนังสือปฏิญญาว่าด้วยพระราชไมตรีและการค้าขายในระหว่างประเทศสยามกับญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยสุโขทัยมาจนถึงสมัยอยุธยา
และในโอกาสที่ความสัมพันธ์นี้ครบรอบ 130 ปี มิตซูบิชิ ประเทศไทย จึงได้มีดำริในการจัดทริปกิจกรรมทดสอบรถแบบคาราวานเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ดังกล่าว จุดประสงค์ของงานแน่นอนนอกจากการทดสอบรถยนต์ของมิตซูบิชิ คือ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต และ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ แล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้มีโอกาสเรียนรู้ความเป็นมาและประวัติศาสตร์ระหว่าง 2 ประเทศ คือไทยกับญี่ปุ่นอีกด้วย
สัมผัสพลัง MIVEC Clean Diesel ขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้า
จากอาคาร FYI อาคารใหม่ของสำนักงาน Mitsubishi ที่ย่านคลองเตย จุดสตาร์ทของทริปเรียนและรู้ความสัมพันธ์ไทย–ญี่ปุ่น 130 ปี ที่เมืองกาญจน์นี้ ทางมิตซูบิชิ ประเทศไทย จัดเตรียมมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ และ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ไว้ให้คณะสื่อมวลชนร่วมทดสอบพละกำลังการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ MIVEC Clean Diesel ขนาด 2.4 ลิตร เสื้อสูบและฝาสูบอลูมินั่มอัลลอย เบา แข็งแกร่ง มาพร้อมกับ VG Turbo และ Intercooler ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร
ในมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ที่ผมมีโอกาสขับทดลอง ในเรื่องความสะดวกสบายจากห้องโดยสารถือว่าใช้ได้ ในเบาะแถวสองก็สามารถปรับระดับศีรษะพิงได้ถึง 3 ตำแหน่ง พร้อมที่พักแขนสำหรับเบาะแถวสองก็เพิ่มดีไซน์สำหรับวางแก้วเพิ่มเติมขึ้นมาให้
โดยเฉพาะในส่วนของอุปกรณ์ในเรื่องของความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุขั้นสูงยังติดตั้งมาให้โดยเฉพาะใน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ซึ่งมีทั้งระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ACC ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM และระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว UMS พร้อมสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสารว่าทุกคนจะได้รับการปกป้องที่เหนือกว่า
ส่วนในเรื่องของระบบส่งกำลังรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น ถูกถ่ายทอดผ่านเกียร์อัตโนมัติให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสความสะดวกสบายไปพร้อมกับสมรรถนะด้วย Sport Mode ทั้งยังมี Paddle Shift ให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้เองจากแป้นที่พวงมาลัย โดย มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ มากับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม INC (Idle Neutral Control) และ G-Sensor ส่วน มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ และ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ยังเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยที่อัดแน่นหลายรายการทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ASTC ระบบเบรกแบบ ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA ให้ทุกสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ด้วยร้านอาหารรสชาติท้องถิ่น
ในทริปนี้นอกจากการขับขี่รถแล้ว แน่นอนครับกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ร้านอาหารท้องถิ่นที่ทางทีมงานมิตซูบิชิได้พาสื่อมวลชนไปลิ้มลองรสชาติอาหารเลิศรสตั้งแต่วันแรก ที่ร้านกบทอด อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี กับเมนูกบนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นกบทอดกระเทียม กบผัดกระเพรา
ส่วนเรื่องของหวานมาเมืองกาญจน์ก็หลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสแวะร้านกาแฟและขนมชื่อว่า library Cafe ร้านหรูตกแต่งทันสมัยสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ กับเมนูของหวานและกาแฟเพื่อเรียกความสดชื่นเป็นคอฟฟี่เบรกยามบ่าย ส่วนในอีกวันของการเดินทาง ตื่นเช้ามารับพลังงานธรรมชาติริมแม่น้ำแคว ก่อนจะออกเดินทางสู่ร้านอาหารลุงลอยป่าลั่น ร้านอาหารปิดท้ายสำหรับอาหารรสชาติท้องถิ่นแกงป่ารสชาติเด็ด
เรียนรู้ความสัมพันธ์ไทย–ญี่ปุ่น 130 ปี ที่วัดถ้ำเสือและสวนสันติภาพชินโตะ
ที่วัดถ้ำเสือผมเคยมาที่นี่แล้วหลายครั้ง หรือจะบอกว่ามาเมืองกาญจน์ทุกครั้งก็มีโอกาสมาที่วัดถ้ำเสือนี้ เป็นวัดที่ผู้มาเยือนจะมีโอกาสได้ชื่นชมความงามของจังหวัดกาญจนบุรีซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองแห่งประวัติศาสตร์ในมุมสูง มองเห็นทิวทัศน์และเห็นแม่น้ำแควใหญ่
ส่วนในอีกหนึ่งสถานที่ไฮไลท์ยอมรับตรงๆ ว่า ผมมาเมืองกาญจนบุรีหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมมายืนอยู่ที่นี่ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย และยืนมองหินแกะสลักขนาดใหญ่ที่มีตัวอักษรญี่ปุ่นสลักอยู่ แม้ผมจะไม่มีความรู้ในภาษาญี่ปุ่น แต่ท่ามกลางหินสวนหินที่ตั้งอยู่ในความสงบในสวนแบบธรรมชาติ มันบ่งบอกถึงเรื่องราวและความเศร้าปนอยู่
ผมเดินผ่านซุ้มประตูและไหว้สักการะศาลเจ้าแบบญี่ปุ่นที่สร้างด้วยไม้ ผู้ดูแลที่นี่บอกวิธีให้เราเขย่าระฆังที่แขวนอยู่หน้าศาล ก่อนให้โค้งตัวคำนับ 2 ครั้ง และยืนตรงก่อนปรบมืออีก 2 ครั้ง ก่อนที่จะโค้งคำนับอีกหนึ่งครั้ง เพื่อเป็นการคาราวะและขอพร ที่ที่ผมยืนอยู่นี้เรียกว่าสวนสันติภาพชินโตหรือสวนชินโต ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2538 เป็นอนุสรณ์สถานในโอกาสที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลงครบ 50 ปี เพื่อแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีให้เกิดสันติภาพไปทั่วภูมิภาคเอเชียอย่างยั่งยืน และเพื่อให้สวนชินโตแห่งนี้เป็นเหมือนสถานที่ที่เราจะสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมและประเพณีของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อนได้อีกด้วย
ส่วนสิ่งของล้ำค่าในอดีตหลากหลายชนิดที่เป็นของประเทศญี่ปุ่นก็ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีในพิพิธภัณฑ์ของสวนชินโต ซึ่งของทุกชิ้นนอกจากความเก่าแล้ว ยังแฝงไว้ด้วยภูมิปัญญาและปรัชญาลึกซึ้งเอาไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นชุดกิโมโน ตุ๊กตาแบบดั้งเดิม จานโบราณ และหินแกะสลัก หรือดาบโบราณที่เป็นดาบประจำตัวของซามูไรนักรบญี่ปุ่น หน้ากากที่เป็นหน้าตาเหมือนปีศาจที่ดุร้ายเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้ และเพื่อเป็นการอำพรางไม่ให้คู่ต่อสู้ เห็นใบหน้าที่อ่อนแอหรือเห็นอารมณ์ของผู้สวมใส่ และชุดนักรบที่เป็นชุดเกราะโบราณและเป็นงานแฮนด์เมด ที่นอกจากชุดนั้นจะบอกยศ บอกตำแหน่งของผู้สวมใส่แล้ว ชุดยังมีความปลอดภัยจากวัสดุที่ใช้ ในการป้องกันตัวจากศัตรูในจุดสำคัญต่างๆ เป็นความลึกซึ้งและชาญฉลาดของการออกแบบชุดที่ถือว่าสุดยอด ด้วยบรรยากาศต้นไม้ร่มรื่นของสวนชินโต ที่เป็นสวนในแบบสไตล์เซน ดูนิ่งๆ น้อยๆ แต่มีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ จนรู้สึกราวกับว่าได้มายืนอยู่ในประเทศญี่ปุ่นจริงๆ
ทางด้าน มร.โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด แม้จะไม่ได้ร่วมทริปในการทดสอบครั้งนี้ แต่ก็ฝากสารมายังสื่อมวลชนว่า จากอดีตสู่ปัจจุบันรถยนต์มิตซูบิชิได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยมาโดยตลอด พิสูจน์ได้จากยอดขายของบริษัทที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางมิตซูบิชิจึงหวังว่ากิจกรรมทดสอบคาราวานรถยนต์ในครั้งนี้ จะช่วยพิสูจน์ให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีของไทยและญี่ปุ่นที่มีมา 130 ปี จนถึงปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
AFTER DRIVE KAN YENSABAI
สำหรับการทดสอบมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ และ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการได้มาทดลอง รถยนต์ในแบบทริปท่องเที่ยว ทั้งในรถปิกอัพและรถแบบ PPV ที่ถือว่าเป็น Product ตัวขายของค่ายมิตซูบิชิมอเตอร์ ที่ทั้งใน 2 โมเดล มีเครื่องยนต์ MIVEC Clean Diesel 2.4 ลิตร แบบ VG Turbo และ Intercooler 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร เหมือนกันทั้ง 2 โมเดล
ในโมเดล มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2017 แม้ภายนอกอาจจะดูเหมือนไม่มีความแตกต่างจากโมเดลเมื่อปี 2016 แต่จริงๆ แล้วมีการปรับเปลี่ยนในหลายๆ จุดเพื่อให้มีความลงตัวในแบบรถ PPV มากยิ่งขึ้น ทั้งเพิ่มระบบฉีดน้ำล้างไฟหน้า มาตรวัดภาษาไทยและ Graphic เตือนปิดประตูแบบใหม่ และกล้องมองภาพรอบคันที่มี 5 สี จากเดิมที่ดูได้เป็นสีเงินสีเดียว
ส่วนจุดเด่นของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ คือระบบอุปกรณ์เชิงป้องกันก่อนการเกิดเหตุ คือระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ACC ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM และระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็วอยู่ UMS ที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสารและผู้ขับขี่ว่าจะได้รับการป้องกันและปกป้องที่เหนือกว่า และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่สามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างสะดวกที่แป้นพวงมาลัย
โดยรวมทั้ง 2 โมเดลของทางมิตซูบิชิจัดว่าให้อุปกรณ์ในเรื่องความระบบความปลอดภัยมาครบถ้วนหลายรายการที่จำเป็นในการใช้งานจริง ทั้งในเรื่องการทรงตัว ระบบช่วยเสริมประสิทธิภาพของเบรก เพื่อช่วยให้ควบคุมสถานการณ์ได้มั่นใจในการขับจริงครับ