MERCEDES-BENZ GLC 250 d 4MATIC OFF ROAD ดีเซลเทอร์โบ 204 แรงม้า จี๊ดจ๊าดประทับใจสไตล์ดวงดาว

  • December 14, 2017

โดย...จิรายุ ห่วงทรัพย์     

 

      ไม่น่าเชื่อว่าการขับขี่ GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD สีดำขลับคันนี้ ในช่วงความเร็วสูงกลับทำให้ผมมีความรู้สึกมั่นอกมั่นใจได้เป็นอย่างดี เพราะการเปลี่ยนเลนสามารถทำได้อย่างมั่นคง แม้มีอาการโยนให้เห็นนิดๆ ตามธรรมชาติรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงเช่นนี้ แต่แค่นี้ก็ถือว่าสอบผ่าน สำหรับช่วงล่างรถเอสยูวีแบบเดิมๆ และทำได้ดีไม่แพ้กับรถเก๋งช่วงล่างเยี่ยมๆ

 

รูปลักษณ์ปราดเปรียว ดูดีมีเสน่ห์

      ที่มาของรถ Mercedes-Benz ใน รุ่น GLC นี้ เป็นรถที่พัฒนามาจากรุ่น C-Class ให้กลายเป็นสุดยอด Sport SUV ระดับหรูที่ผสมผสานความดุดัน ความสะดวกสบาย หรูหรา งานดีไซน์ตัวรถของ GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD รุ่นนี้ จึงถือว่าทาง Mercedes-Benz ออกแบบมาได้ลงตัวที่สุดรุ่นหนึ่ง

      ในคันที่ทดลองขับเป็นรุ่นย่อยแบบ OFF ROAD ที่ความหรูหราภายในก็ไม่ได้น้อยลงไปกว่าตัวแต่งเต็มอย่าง GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic ที่มีชุดแต่ง AMG bodystyling รวมถึงหลังคาแบบพาโนรามิก เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้ามาให้ แต่โดยรวมหน้าตารถก็จัดว่าดูดี มีเสน่ห์ และดูเป็น SUV ที่ทรงคลาสสิกมองได้นานๆ ไม่มีเบื่อ

ไฟหน้าที่ออกแบบให้ดูดุดัน สัดส่วนหน้า-หลังที่เหมาะเจาะพอดิบพอดีด้วยกระจังหน้าแบบสามมิติ มีโลโก้ Mercedes-Benz ขนาดใหญ่ตรงกลางบนลาย 2 แถบ เสริมไฟหน้าแบบ LED และไฟ Daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน ด้านท้ายเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยปลายท่อไอเสียตกแต่งด้วยสแตนเลส 2 ท่อ แผ่นป้องกันใต้กันชนหน้า-หลัง ตกแต่งด้วยโครเมี่ยม และไฟท้ายแบบ LED ดูโดดเด่นยามค่ำคืน และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว แบบ 5 ก้าน

 

ห้องโดยสารหรูหรา ทันสมัย มีกลิ่นอายความสปอร์ต

       จุดที่ต้องขอชื่นชมคือ เรื่องความเงียบของห้องโดยสาร เมื่อคุณขับขี่ในช่วงความเร็ว 100-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง GLC 250d 4MATIC OFF ROAD คันนี้ ทำได้น่าประทับใจ การเก็บเสียงทำได้เรียกได้ว่าเงียบสนิท ทั้งเสียงลมปะทะ เสียงจากพื้นถนน รวมถึงเสียงเครื่องยนต์ดีเซลที่อยู่ในระดับกับเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป จะมีให้ได้ยินบ้างช่วงที่กดคันเร่งเพื่อคิกดาวน์จนรอบตวัดขึ้นสูง แต่ในการขับขี่ปกติแทบจะไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำไป แม้เมื่อใช้ความเร็วระดับเกิน 130 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป จะเริ่มมีเสียงลมเข้ามาทางประตูด้านข้างบ้าง แต่ก็มีในระดับต่ำจนไม่น่าถือว่าเป็นปัญหา

 

      แม้เป็นเอสยูวีไซซ์เล็กแต่เรื่องของพื้นที่ภายในห้องโดยสารก็ถือว่าเหมาะสม มีพื้นที่วางขาเหลือพอประมาณไม่กว้างมากมาย แต่ก็ไม่อึดอัด คนรูปร่างสูงๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่เหนือศีรษะ มีให้เหลือเฟือตามสไตล์รถเอสยูวี ภายในถูกออกแบบมาดูหรูหรา ทันสมัย และมีกลิ่นอายของความสปอร์ตเอาไว้ด้วย ลายไม้แบบ Open-pore Brown Ash Wood พร้อมพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอันทันสมัย ประกอบไปด้วย ระบบวิทยุ-ซีดี MB Audio 20 และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Bluetooth เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าสามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบหน่วยความจำตำแหน่งเบาะ

 

      ที่ตำแหน่งเบาะนั่งด้านหลังก็นั่งโดยสารได้สบายๆ ตัวเบาะยังสามารถพับได้ทั้ง 1/3: 2/3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น แผ่นปิดที่เก็บสัมภาระท้าย ระบบเปิด-ปิดฝาท้ายอัตโนมัติ แผ่นรองกันกระแทกบริเวณที่เก็บสัมภาระท้ายรถแบบ Metallic เพื่อสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ในทุกรูปแบบ ส่วนออพชั่นเพิ่มเติมที่น่าสนใจก็มีมาแบบจัดเต็มครับ ทั้งกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอย ม่านบังแดดประตูหลัง ซ้าย-ขวา- ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad บันไดข้างสแตนเลสดีไซน์สปอร์ตพร้อมปุ่มยางกันลื่น- ฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร

 

ขุมพลังดีเซลเทอร์โบคู่ 204 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC

      ในแง่ของการขับขี่ก็แทบไม่น่าจะติอะไร แม้จะเป็นรถในแบบอเนกประสงค์ แต่เรื่องขุมพลังของ GLC 250d 4MATIC OFFROAD คันนี้ที่ใช้บล็อกเครื่องยนต์แบบดีเซลแถวเรียง 4 สูบเทอร์โบคู่ ความจุ 2,143 CC ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-1,800 รอบ/นาที ที่ผ่านมาตรฐานความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและปริมาณไอเสีย (Euro 6) ที่เข้มงวด ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

      ในโหมดการขับก็ทำได้ดีและสนุก ทั้งการวิ่งในเมืองและนอกเมืองครับ ไว้ใจได้กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC และเทคโนโลยีระบบ Dynamic Select ที่มีโหมดการขับขี่ 5 แบบ คือ Eco แบบโหมดประหยัดน้ำมัน, Individual รูปแบบการขับขี่ที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ได้, Comfort แบบโหมดขับขี่สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, Sport และ Sport+ เน้นการเพิ่มความเร้าใจให้กับการขับขี่มากยิ่งขึ้น

 

      ตามสเปกที่ทาง Mercedes-Benz ให้มา ด้านระบบความปลอดภัยของ GLC 250d 4MATIC OFF-ROAD ก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของรถยุโรปสมัยนี้ติดตั้งมาให้ครบครันอัดแน่นครับ ทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัยมาให้รอบคัน ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control พร้อมฟังก์ชั่นจำกัดความเร็ว Speedtronic, ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist), ระบบเตือนนำรถเข้าศูนย์บริการ, ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist พร้อมเซ็นเซอร์ช่วยจอดรอบคัน, มีกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง

      ทั้งหมดที่ว่ามาถือว่าคุ้มค่าครับ เมื่อต้องแลกกับค่าตัว 3,240,000 บาท ที่มีการปรับราคาลงไป 5 แสนกว่าบาท จากเดิม 3,790,000 บาท ของรถในตระกูลอเนกประสงค์ Mercedes-Benz GLC โฉมประกอบในประเทศไทย หรือที่เรียกว่า CKD โมเดลต่อจากรุ่นพี่ Mercedes-Benz GLA และ Mercedes-Benz GLE  ที่เปิดตัวมาพร้อมๆ กัน

 

AFTER DRIVE BY  JIRAYU HOUNGSUB

 

       จิรายุ ฟันธง!!! GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD   คันนี้ มีดี ที่ ขับสนุก

 

        ส่วนตัวผมเองเคยมีโอกาสขับทดสอบรถยนต์ในตระกูลออฟโรดของ Mercedes-Benz มาหลากหลายรุ่นครับ ทั้งในตัว Mercedes-Benz GLA และ Mercedes-Benz GLE ซึ่งก็ถือว่าเป็น Premium SUV แทบทุกรุ่น แต่ในรถไซซ์น้องเล็กอย่าง GLC 250 d 4MATIC OFF ROAD คันนี้กลับให้ความประทับใจ ทั้งจากความลงตัวในดีไซน์ของรถที่ไม่ใหญ่เทอะทะเกินไป ดูลงตัวพอดีในแบบ SUV คนเมือง ที่มีความสปอร์ตและหรูอยู่ในตัวเอง

      บนเส้นทางการทดสอบจากย่านแจ้งวัฒนะในกรุงเทพฯ หนีกรุงมุ่งไปยังจังหวัดระยองผมได้มีโอกาสทำความรู้จักกับ GLC 250 d 4MATIC OFF ROAD คันนี้ การคอนโทรลรถจึงทำได้อย่างสนุกและคล่องตัวทั้งในเมืองและนอกเมือง เนื่องจากเป็นรถที่มีขนาดไม่ใหญ่เกินไปและด้วยความสูงของรถที่มีไม่มากจนเกินพอดี จึงทำให้เมื่ออยู่ในตำแหน่งคนขับแล้วไม่ได้รู้สึกโยงหรือสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น ในการนั่งขับและควบคุมรถก็ทำได้ดีผ่านพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ที่ให้น้ำหนักและอัตราทดกระชับหน่วงมือกำลังดี

        ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลที่ให้มาดูจะมีพละกำลังเหลือเฟือครับ เมื่อเทียบกับบอดี้รถกำลัง 204 แรงม้า กับเครื่องยนต์ ดีเซล 2,143 CC ก็ให้กำลังที่ดีในการใช้งาน เห็นเป็นรถพิกัด SUV แบบนี้ แต่ความแรงก็ไม่ใช่เล่นๆ มีแรงดึงแบบหลังติดเบาะให้เห็นเหมือนกัน ในเรื่องการเรียกอัตราเร่ง และการไต่ระดับความเร็วก็ทำได้ดี ส่วนเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นการถ่ายทอดกำลังทำได้ไว ฉลาด แต่ก็ทำงานได้อย่างนุ่มนวล

       ส่วนในเรื่องของระบบรองรับและความเกาะถนน ก็มีดีที่ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ 4MATIC ที่แม้จะออกแบบไว้สำหรับงานลุยที่ทำได้แบบจริงจัง แต่ในการใช้งานแบบชีวิตประจำวันก็ให้ความนุ่มนวลในการเดินทางได้ดี แต่ก็ให้ความรู้สึกกระชับและเฟิร์มแน่นของช่วงล่าง ที่ถือว่าทำได้ดีไม่แพ้รถเก๋งหรือรถเล็ก แม้ตัวรถจะเป็นรถแบบอเนกประสงค์ก็ตามครับ…

 

 ราคา:  Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC OFF ROAD ราคา   3,240,000  บาท