ฮุนไดจัดทริปทดสอบช่วงล่างใหม่ นุ่มนวลตอบโจทย์ทุการใช้งาน พร้อมตามรอยประวัติศาสตร์ไหว้พระเมืองอยุธยา

  • March 08, 2018

      บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมทดลองขับ Hyundai H-1 บนเส้นทางกรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้นกับช่วงล่างหลังใหม่ พร้อมความสะดวกสบายในรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่

 

       กิจกรรมทดลองขับ ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์)ฯ ติดตั้งช่วงล่างใหม่ใน Hyundai H-1 ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ Deluxe และ Elite ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบความนุ่มนวล และความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น ช่วงล่างใหม่ของรถยนต์ Hyundai ประกอบด้วยชุดโช้กอัพและสปริงหลัง โช้กอัพเป็นชุดอัพเกรด ระบบ Monotube ที่ผ่านการรับประกันคุณภาพและทดสอบมาตรฐานจาก บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด โดยมีคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่ารุ่นมาตรฐาน มีลูกสูบที่ใหญ่กว่าและสามารถจุน้ำมันได้มากกว่า ทำให้มีการตอบสนองการขับขี่ที่ดีขึ้น นุ่มนวลมากขึ้น และลดความกระด้าง มีการแยกส่วนห้องบรรจุน้ำมันกับแก๊สอย่างชัดเจน ทำให้ไม่เกิดการผสมกันระหว่างน้ำมันและแก๊ส นอกจากนี้ ยังติดตั้งลูกสูบแบบไฮโฟลขนาด 46 มม. ช่วยให้การตอบสนองรวดเร็วแม่นยำยิ่งขึ้น มาพร้อมสปริงหลังที่ออกแบบให้สัมพันธ์กับโช้กอัพรุ่นนี้โดยเฉพาะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับแรงสะเทือนจากพื้นผิวถนนไปยังห้องโดยสาร ส่งผลให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น โดยลูกค้าที่ใช้ Hyundai Grand Starex ก็สามารถนำไปติดตั้งได้เช่นกัน

 

         คณะสื่อมวลชนออกเดินทางจาก ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์)ฯ สำนักงานใหญ่ วิภาวดีฯ  ใช้เส้นทางวิภาวดีรังสิต วิ่งถนนสายเอเชียแล้วเลี้ยวซ้ายไปบางปะอิน ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงวัดนิเวศธรรมประวัติวัดนิเวศธรรมประวัติ ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน

 

      จากนั้นพาสื่อมวลชนนั่งกระเช้าข้ามฝั่งแม่น้ำ เพื่อไหว้พระและชมความงดงามภายในบริเวณวัด โดยวัดนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ในสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่งเป็นศิลปะแบบกอธิค สิ่งก่อสร้างภายในวัดทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบยุโรปทั้งสิ้น 

 

      หลังจากนั้นพักรับประทานอาหารกลางวัน ณ เรือนจรุง อยุธยา โฮมสเตย์แนวคิดสโลว์ไลฟ์ ลิ้มรสชาติอาหารไทยฝีมือชาวบ้าน ท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยทุ่งนา และบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง บริเวณโดยรอบปลูกผักสวนครัว ทำกรอบรูป เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการใช้ชีวิตในแบบเรียบง่าย จากนั้นเดินทางต่อไปยัง วัดหน้าพระเมรุ เยี่ยมชมความงดงามพร้อมเรียนรู้ประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งที่นี่เป็นเพียงวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่รอดจากการถูกเผาทำลายจากพม่า และอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงทำให้วัดหน้าพระเมรุเป็นวัดที่ยังคงสืบทอดสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา ตกทอดมาให้คนรุ่นหลังได้ชมกันจนทุกวันนี้

 

        ไปต่อกันที่วัดสุดท้ายของทริปนี้ วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนต้น มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุดและนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากที่สุดวัดหนึ่งในอยุธยา มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและสวยงาม อาทิ เจดีย์ชัยมงคล เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยาและเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ, วิหารพระพุทธไสยาสน์ ที่สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพระอุโบสถที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอู่ทอง เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติกรรมฐานรวมทั้งประกอบพิธีกรรมต่างๆ

 

        ตลอดระยะทางรวมกว่า 140 กิโลเมตร ในทริปนี้เราก็ได้สัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ช่วงล่างหลังใหม่ที่ติดตั้งให้ความนุ่มนวล และเปลี่ยนบทบาทของรถตู้โดยสารคันเดิมเป็นรถอเนกประสงค์ที่ให้ความสบายตลอดการเดินทาง และนี่น่าจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ใช้ Hyundai H-1 และ Hyundai Grand Starex ซึ่งสามารถนำรถยนต์เข้ามาเปลี่ยนชุดโช้กอัพและสปริงหลังใหม่ได้ ในราคา 24,880 บาท (รวมค่าแรงแล้ว) ที่ศูนย์บริการ Hyundai ทั่วประเทศ นอกจากความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังได้สัมผัสกับสมรรถนะเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร 175 แรงม้า และวงเลี้ยวแคบเพียง 5.6 ม. ที่ขับง่ายแม้ในที่แคบๆ ตามแหล่งชุมชน และยังใช้กล้อง Smart View System มุมมองแบบ 360 องศา ช่วยให้สะดวกในการถอยจอด ผู้โดยสารยังสามารถพบความบันเทิงได้จากอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบรับความบันเทิงได้เต็มรูปแบบ ทั้งจอภาพ LCD ติดเพดานขนาด 13.3 นิ้ว มาพร้อมระบบพับไฟฟ้า เชื่อมต่อกับเครื่องเล่น DVD จากด้านหน้า (ในรุ่น Hyundai H-1 Deluxe) และสามารถขึ้น-ลงจากรถทั้ง 2 ฝั่งได้อย่างง่ายดาย ด้วยประตูบานเลื่อนแบบไฟฟ้าที่ควบคุมได้ทั้งจากที่นั่งคนขับ หรือจากรีโมทคอนโทรล