บันทึกรอยล้อ 6,500 กิโลเมตร ในดินแดน “สแกนดิเนเวีย” ชื่อที่เรียกขานดินแดน 4 ประเทศของยุโรปเหนือ เพื่อต่อยอดจากการเดินทางของ Mazda จากในทริปก่อนหน้าที่ผมเคยมีโอกาสขับ CX-3 และ CX-5 (รุ่นก่อน) จากประเทศจีนสู่มองโกเลียผ่านไซบีเรียไปถึงกรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย และในครั้งนี้มาสด้าไทยสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ด้วยการขนทัพสื่อมวลชน ร่วมทดสอบ Mazda CX-5 ในภารกิจพิชิตแสงเหนือ ภายใต้คอนเซปต์ เปิดประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับ “MAZDA PASSION DRIVE TO THE HORIZON” สู่เส้นทางดินแดนอาร์กติกที่หนาวเย็นที่สุดในโลก “ไทย-เดนมาร์ก-สวีเดน-ฟินแลนด์-นอร์เวย์” เพื่อเป็นการพิสูจน์สมรรถนะของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ
01.20 น. ผมเหลือบดูเวลาบนนาฬิกา จากนี้ใช้เวลาบนเครื่องบินประมาณ 11 ชั่วโมง ผมและเพื่อนๆ สื่อมวลชน สมาชิกกลุ่ม A มีนัดเดินทาง ไปยังกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ที่หมายแรกของการเดินทางครั้งนี้
สื่อมวลชนในทริปนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยผมอยู่ในกลุ่มแรกครับ ทริปนี้ใช้รถยนต์ Mazda CX-5 รุ่นดีเซล แบบพวงมาลัยซ้ายทั้งหมด 10 คัน โดยมีเป้าหมายจากกรุง โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก มุ่งหน้าสู่ดินแดนไวกิ้ง ประเทศสวีเดน เราต้องขับผ่านเมืองสต็อกโฮล์ม – เฮลซิงกิ ของฟินแลนด์ - เข้าสู่ ควาปิโอ – โรวาเนียมี มาสิ้นสุดการเดินทางที่เมืองฮอนนิงสโวก ประเทศนอร์เวย์ เพื่อส่งต่อทริปให้กับกลุ่มสอง ซึ่งจะขับรถย้อนกลับบนเส้นทางเดิม
ดีเดย์ 660 กม. เปิดประตูภารกิจพิชิตแสงเหนือ
จากสนามบินโคเปนเฮเกนเข้าสู่เส้นทางหลัก เราลอดอุโมงค์ใต้ทะเล “ดรอกเดน” ความยาว 4 กิโลเมตร อุโมงค์ลอดใต้ทะเลที่มองจากมุมสูงว่ากันว่าสวยที่สุดในโลก และข้ามสะพาน “ออเรซุน” อีก 8 กิโลเมตร มาถึงปลายอุโมงค์ก็ข้ามประเทศผ่านด่าน ตม. ที่วันนี้แผ่นดินยุโรปไม่มีการแบ่งประเทศกันแล้ว ทำให้คาราวานของพวกเราแค่มองผ่านที่ด่านจุดนี้ บนเส้นทางทางหลวง สลับเส้นทางชนบทมีรถสวนทาง ผ่านเขตชุมชนเป็นระยะ เรามาพักทานอาหารมื้อแรกแบบง่ายๆ ในปั๊มน้ำมันริมทาง
ในยุโรปจะต้องขับรถชิดขวา แซงซ้าย ชาวสแกนดิเนเวียจะปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และระยะทาง 660 กิโลเมตรในวันแรกต้องใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมง Mazda CX-5 2.2 Optimun AWD จากประเทศเดนมาร์ก จำนวน 10 คัน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D 2.2 ลิตร 175 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิด 42.8 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที เกียรอัตโนมัติ 6 จังหวะ SKYACTIV-DRIVE ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD ล้อขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55/19 เหมือนกันทุกประการต่างกันตรงพวงมาลัยซ้าย แต่เพราะความเร็วตามกฎหมายของสวีเดนกำหนดให้วิ่งได้ไม่เกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในทางระหว่างเมือง และ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเมืองผ่านทิวทัศน์ไร่นาก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นความเจริญตามหัวเมืองต่างๆ ก่อนถึงที่พักเมืองที่กรุงสต็อกโฮล์ม
ท่องสต็อกโฮล์ม เมืองราชินีแห่งทะเลบอลติก
17 องศาฯ กับอากาศเย็นสบายๆ ในช่วงเช้าวันนี้จาก สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ไปจนถึงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ บ่ายนี้เราต้องนำรถขึ้นเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ ช่วงเช้าพอได้มีเวลาท่องเมืองสต็อกโฮล์มครึ่งวัน ช่วงบ่ายขับรถจาก โรงแรมเพียง 5 กิโลเมตร เพื่อไปลงเรือ Viking Line ข้ามทะเลบอลติกจากสวีเดนไปฟินแลนด์ ซึ่งเป็นเรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่ระดับ หรือเดินสมุทรที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง Mazda CX-5 ทุกคันเข้าไปจอดเรียงกันใต้ท้องเรือ ที่มีที่หมายปลายทางที่เฮลเซงกิ ประเทศฟินแลนด์
ขนรถขึ้นเรือข้ามทะเลบอลติกสู่เฮลซิงกิ ฟินแลนด์
18 ชั่วโมงจากนี้บนเรือสำราญขนาด 8 ชั้น ว้าว..นี้มันสวรรค์ลอยน้ำชัดๆ แต่ห้องที่ผมพักถ้าเรียกแบบไทยๆ ก็ห้องสแตนดาร์ดแบบธรรมดา ที่มีไว้ซุกหัวนอนแค่คืนเดียวแม้จะมีห้องน้ำในตัวแต่ก็แคบยิ่งนัก ห้องนอนแลจะดูใหญ่กว่าห้องนอนบนตู้นอนรถไฟไทยครับ
ผมไม่มีอิดออดที่จะนั่งคุดคู้ในห้องนี้แน่นอนครับ เดินขึ้นไปชมบรรยากาศยามเย็นบนดาดฟ้าเรือเฟอร์รี่ ชมวิวทะเลบอลติกยามเย็น พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ก่อนจะไปสิ้นสุดที่กรุงเฮลซิงกิ ที่ฟินแลนด์ เรียกว่าเดินทางกันชิลล์ๆ ข้ามวันข้ามคืนข้ามประเทศกันเลย ส่วนเหตุผลที่ต้องเอารถลงเรือเฟอร์รี่ก็เพราะเป็นทางลัดเพื่อย่นระยะทางในการเดินทางครับ เพราะถ้าจะใช้ทางบกคงต้องใช้เวลาเดินทางอีก 3 วันกว่าจะถึงกรุงเฮลชิงกิ
“โอลิมเปียสตาดีโอนนิลลา” สนามกีฬาประวัติศาสตร์ของเฮลซิงกิ
เมื่อเรือเฟอร์รี่เทียบท่าที่ท่าเรือกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เรามีโอกาสเที่ยวชมเมืองเฮลซิงกิ สิ่งที่พบเห็นจนชินตาของเมืองใหญ่ๆ ก็หนีไม่พ้นภาพรถรางหลากหลายสีแบ่งตามเส้นทาง ซึ่งการขับขี่ในเมืองนอกจากต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมงแล้ว ต้องคอยระวังไม่ไปหยุดรถบนรางหรือขวางทางรถราง จุดแรกที่แวะพักคือบริเวณของสนามกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ที่มีรูปปั้นของ PAAVO NURMI นักวิ่งเจ้าของ 5 เหรียญทองโอลิมปิกตั้งอยู่
จากนั้นเราขับรถลงที่จอดรถใต้ดินที่กว้างใหญ่เพียงพอรับรถได้หลายพันคัน ครอบคลุมพื้นที่ย่านธุรกิจของเมืองนี้ รวมทั้งห้างสรรพสินค้า เพื่อเดินไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารไทย Helsinki Doi Thai Restaurant ซึมซับอาหารรสชาติแบบไทยโดยฝีมือคนไทย ก่อนออกเดินทางต่อสู่เมืองคูโอปิโอ
ภาพสะพานแขวนผ่านตาไปหลายสะพาน ระยะทาง 390 กิโลเมตร จากเฮลเซงกิ - คูโอปิโอ ขับยากครับเส้นทางนี้เป็นแบบถนนท้องถิ่น แบบสองเลนสวน ความเร็วที่ทางหลวงจำกัด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ยิ่งทางแคบมีฝนตกเป็นบางช่วง อากาศเย็นราวๆ 9-10 องศาฯ แม้ตัวรถ Mazda CX-5 ทุกคันในทริปจะไม่มีหลังคาซันรูฟ แต่เพิ่มอุปกรณ์จำเป็นสำหรับรถที่ใช้ในเมืองหนาว มีทั้งที่ฉีดล้างไฟหน้า ไฟตัดหมอกหลัง ระบบละลายฝ้าที่กระจกมองข้าง กระจกกรองแสงสีเข้มบานหลังซ้าย-ขวา และบานท้าย ระบบอุ่นพวงมาลัย ระบบอุ่นเบาะนั่งทั้งหน้า-หลัง ระบบละลายน้ำแข็งบริเวณที่ปัดน้ำฝน สำหรับวันนี้เรามีจุดหมายปลายทางที่ดินแดนซานตาคลอส ที่อยู่ไม่ไกลแต่วันนี้คาราวานของเราพักครึ่งทางที่เมืองคูโอปิโอครับ
ลุงซานต้าไม่อยู่บ้านที่บ้านเกิดบนเส้นขั้วโลก “อาร์กติกเซอร์เคิล”
เช้านี้เราออกเดินทางต่อท่ามกลางบรรยากาศใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีเพราะเป็นช่วงเดือนตุลาคม มองดูแล้วสวยสดงดงามจากวิวป่าสน บึงทะเลสาบ ระหว่างทางไม่ค่อยพบเจอผู้คนมากนัก และด้วยความหนาวเย็นคงทำให้อยู่กันแต่ในบ้าน วันนี้ผมต้องขับอีก 490 กิโลเมตร จากเมืองคูโอปิโอ มุ่งหน้าไปที่โรวาเนียมิ เมืองซานตาคลอส แถบภาคเหนือของฟินแลนด์ และข้ามเส้น “อาร์กติกเซอร์เคิล” หรือเส้นแบ่งโซนขั้วโลกเหนือให้ได้ก่อนค่ำครับ
ท่านผู้อ่านครับ ผู้คนที่นี่นิยมใช้จักรยานเป็นพาหนะกันครับ มีทางปั่นที่สะดวก ปลอดภัย แบบว่าอากาศเย็นๆ ในหน้าร้อนของเขาใครก็ปั่นได้ ในช่วงเที่ยงขบวนคาราวาน Mazda CX-5 แวะทานร้านอาหารไทยที่ร้าน “ผัดไทยบ้านนา” ร้านนี้ขายดีมากๆ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งท้องถิ่นที่ชื่นชอบรสชาติอาหารแบบไทยๆ
ข้าวเรียงเม็ดกันแล้วเราออกเดินทางกันต่อ เป้าหมายที่เมืองโรวาเนียมิ คาราวานผ่านซุ้มประตูเหล็ก และแวะพักบ้านตำนาน ซานตาคลอส ที่มีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร เวทีการแสดง และชมสัญลักษณ์เส้นขั้วโลกที่ Santa Clause Village- Rovaniemi ซึ่งเป็นไฮไลท์ที่ตื่นเต้นมากที่สุดในวันนี้ เพราะเจ้า “อาร์กติกเซอร์เคิล” เส้นนี้แหละครับที่เป็นเส้นแสดงว่าเรากำลังจะข้ามเขตขั้วโลกเหนือแล้ว และน่าเสียดายครับเราไปถึงเกือบ 6 โมงเย็น ไม่พบหน้าค่าตาลุงซานต้า แอบถามขำๆ กับพนักงานขายของที่ระลึก แกก็ตอบแบบขำๆ ลุงไปงานแต่งงานประมาณ 3 ทุ่มน่าจะกลับ อืมมม..คุณจะรอมั้ย...ว้าวววววว... จากนั้นเราออกเดินทางกันต่อ อากาศในช่วงนั้นอยู่ที่ 11 องศาฯ หนาวเย็นพอดี โชคดีที่ไม่มีลมแรงนักมีแต่เม็ดฝนโปรยปรายลงมาแบบบางๆ กับระยะอีกร้อยกิโลก็จะถึงเป้าหมายวันนี้ครับ
ย่ำแผ่นดินเหนือสุดในยุโรป (นอร์เวย์) ดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน
สภาพเส้นทางผ่านย่านชานเมือง วิ่งบนไฮเวย์ผ่านชายแดนฟินแลนด์ที่แทบจะไม่รู้ตัว เพราะยุโรปวิ่งไปมาหาสู่กันได้ไร้พรมแดนในย่านแถบสแกนดิเนเวีย ผมได้ลองระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD ใน Mazda CX-5 ที่ช่วยปรับระบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับทุกสภาพถนนบนเส้นทางตามเส้นทางคดโค้ง ตามลักษณะภูมิประเทศที่เป็นคาบสมุทร
ตลอดเส้นทางจะมีทั้งถนนคอนกรีต ลาดยาง ทางขรุขระ ตลอดจนเส้นทางชำรุดให้ทดสอบสมรรถนะกันอย่างเต็มที่ ด้วยช่วงล่างและตัวถัง ที่ได้รับการปรับเซ็ตใหม่ มีน้ำหนักเบาขึ้น ทำให้มีความคล่องตัว สามารถเกาะถนนและให้การควบคุมรถดียิ่งขึ้น ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีสกายแอคทีฟรุ่นใหม่ล่าสุดไม่ทำให้ผิดหวังครับ แรงจัดทุกย่านความเร็ว แต่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ถนนที่มีภาพต้นสนสามใบสูงชะลูดข้างทางผ่านอุโมงค์ทะลุภูเขา จนเปลี่ยนมาเป็นทางชนบทแถบเลียบชายฝั่งทะเลนอร์วิเจียน ทางตะวันออกของนอร์เวย์ที่มีวิวแปลกตา เพราะความเป็นธรรมชาติเป็นมนต์สะกดทุกๆ คนใน 10 คันบน Mazda CX-5 หยุดเบรกเพื่อเสพความเป็นธรรมชาติที่แสนจะสวยงามในครั้งนี้
เพราะในวันนี้เป็นอีกวันที่มีระยะทาง 680 กิโลเมตร เราออกเดินทางจากเมืองโรวาเนียมิ ฟินแลนด์ ต้องผ่าน เมืองอัลตาถึงฮอนนิงสโวก (Honningsvag) กับบรรยากาศยามค่ำคืนเมืองทางทิศเหนือสุดของเมืองฮอนนิงสโวก ประเทศนอร์เวย์
ว้าว...ภารกิจพิชิตแสงเหนือสำเร็จ..โชคดีที่ได้เห็น..
ห้อตะบึงกันมาทั้งวันเรามาถึงที่ เมืองนี้ราวทุ่มเศษ และคืนนี้จะต้องออกไปรอชมแสงเหนือที่แหลม North Cape ด้วยอุณหภูมิเบาๆ 8 องศาฯ เพราะหน้าหนาวที่นี่ติดลบแบบเลข 2 หลักครับ ที่แหลม North Cape ผมยืนอิ่มเอมมีความสุข ท้าลมหนาวรับบรรยากาศแสงเหนือ ที่เกิดขึ้นในการชนกันระหว่างก๊าซในชั้นบรรยากาศโลกกับอนุภาคไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อให้เกิดการระเบิดเป็นลำแสงสีต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับแสงนั้นเกิดขึ้นในช่วงชั้นบรรยากาศไหน และเกิดจากก๊าซอะไรจะให้ภาพแสงธรรมชาติที่งดงามได้ขนาดนี้ สวยงามคุ้มค่ากับการเดินทางมาเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ ที่สำคัญหลายคนมาที่นี่ไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะอากาศปิดบ้าง มีฝนบ้าง... แต่ท่านผู้อ่านครับ...ผมมาเป็นครั้งแรก...ผมโชคดีมากๆ ครับที่ได้เห็น..แสงเหนือ...สวยจริงๆ ครับ
“ฮอนนิงสโวก” ความงาม ธรรมชาติและความสุขของชาวสแกนดิเนเวีย
เมือคืนผมหลับสบายคงเป็นเพราะอานุภาพของแสงเหนือกระมัง....แต่เช้านี้ผมเห็นกวางเรนเดียร์ สัตว์เลี้ยงท้องถิ่นที่สามารถพบเห็นได้ตลอดสองข้างทางที่ขบวนคาราวานผ่าน ที่เมืองฮอนนิงสโวก ประชากรส่วนใหญ่จะมีอาชีพทำประมง ชาวสแกนดิเนเวียยังเป็นผู้ที่ชื่นชอบและรักความงามของธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง พวกเขาไม่เคยเบื่อในการแสวงหาความสงบร่มรื่นของธรรมชาติและชอบใช้ชีวิตอยู่อย่างชาวบ้านธรรมดาในกระท่อม หรือตามเนินทรายธรรมชาติที่ปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม
การเดินทางมาถึงวันสุดท้าย ผมส่งรถต่อให้สื่อมวลชนกรุ๊ป B และบินไปยังที่กรุงออสโล (Oslo) เมืองหลวงของ นอร์เวย์ ตั้งอยู่ขอบด้านเหนือของอ่าวฟยอร์ด (Fjord) มีโอกาสเดินชมสถานที่สำคัญต่างๆ ส่งท้าย ไม่ว่าจะเป็น สถาปัตยกรรม และสิ่งก่อสร้างสไตล์นอร์ริเจียน วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองที่นี่น่าชื่นชมครับ ก่อนบินกลับอีก 11 ชั่วโมง เป็นการปิดท้ายทริปภารกิจพิชิตแสงเหนือครับ....
AFTER DRIVE BY JIRAYU HOUNGSUB
การเดินทางครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์สมรรถนะการใช้งานจริงของรถยนต์ Mazda CX-5 ที่ทำให้ผู้ร่วมเดินทางได้ทดลองแทบทุกฟังก์ชั่นการใช้งานของรถ ซึ่งได้ขับจริงและใช้ระบบต่างๆ จริง Mazda CX-5 เป็นรถที่หลายคนประทับใจในอรรถประโยชน์ ส่วนในเรื่องสมรรถนะและระบบความปลอดภัยก็ทำได้ดีเกินคาดหมาย
ต้องขอยกนิ้วให้ความอึดของรถในการขับอย่างหนักหน่วงต่อกันถึง 2 กลุ่ม และบรรทุกผู้โดยสารและสัมภาระเต็มคันรถ โดยผ่านสภาพการเดินทางและสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้ตลอดทริป เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ในภารกิจพิชิตแสงเหนือได้สำเร็จ และเป็นการพิสูจน์สมรรถนะของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ รวมระยะทางกว่า 6,500 กิโลเมตร ซึ่งบทพิสูจน์ CX-5 อย่างหนักหน่วงในครั้งนี้เรียกได้ว่าสอบผ่านขั้นเกรด A ครับ... ใครที่สนใจรุ่นนี้ก็รีบตัดสินใจนะครับ...ของเขาดีจริงๆ