จุดกำเนิดของสัญลักษณ์
ลอร์ดมองตากูแห่งบิวลี (ปีพ.ศ. 2409-2472) คือหนึ่งในผู้บุกเบิกด้านยานยนต์ของประเทศอังกฤษ ในฐานะผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการนิตยสาร The Car Illustrated เขาได้จ้างนักวาดภาพประกอบ มร. ชาร์ลส ไซค์ส ต่อมาในปีพ.ศ. 2452 ลอร์ดมองตากูได้มอบหมายให้มร.ไซค์ส ผู้ซึ่งขณะนั้นก็เป็นประติมากรให้รังสรรค์มาสคอตสำหรับยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ ซิลเวอร์ โกสต์ของเขา มร.ไซค์สได้สร้างสรรค์รูปปั้นสัมฤทธิ์ของหญิงสาวสวมเสื้อคลุมที่กำลังพัดปลิวโผบินไปข้างหน้า ที่เขาเรียกเธอว่า ‘วิสเปอร์’
ต่อมาไม่นาน เจ้าของยนตรกรรมรายอื่นก็ต่างต้องการมีสัญลักษณ์ประดับบนยนตรกรรมของตนเช่นกัน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ มร.คล็อด จอห์นสัน (Claude Johnson) กรรมการผู้จัดการของโรลส์-รอยซ์ ในปีพ.ศ. 2454 มร.จอห์นสันมอบหมายให้มร.ไซค์ส ออกแบบมาสคอตสำหรับยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์อย่างเป็นทางการ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของบริษัทและป้องกันมิให้เกิดการนำสัญลักษณ์อื่นที่ไม่เหมาะสมมาประดับบนตัวรถ มร.ไซค์สจึงได้พัฒนาและตีความหมายของรูปปั้น ‘วิสเปอร์’ ขึ้นใหม่จนกลายเป็นสัญลักษณ์ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’
ผลงานการออกแบบได้รับการจดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาในปีพ.ศ. 2454 และได้กลายเป็นทั้งอัตลักษณ์ของแบรนด์โรลส์-รอยซ์ และเป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียง เป็นที่จดจำและเป็นที่ปรารถนามากที่สุดโลก แต่เดิมรูปปั้นมีขนาดความสูง 7 นิ้ว (หรือ 18 ซม.) ปัจจุบัน ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ มีขนาดเล็กลงมากโดยมีขนาดความสูงเพียง 3¾ นิ้ว (หรือ 9.5 ซม.)
ในช่วงยุค 70 เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนบางประเทศได้พยายามสั่งห้ามการใช้มาสคอตประดับบนตัวรถ ตัวอย่างเช่น ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ลูกค้าไม่ได้รับอนุญาตให้ประดับสัญลักษณ์นี้บนรถ ทำให้ตอนที่รับมอบรถลูกค้าจะพบว่า ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ของเขาถูกวางอยู่ในช่องเก็บของด้านหน้า โรลส์-รอยซ์หาทางแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างชาญฉลาด โดยการติดตั้งมาสคอตบนฐานที่มีสปริงทำให้เธอสามารถหดตัวหลบลงไปด้านในเพื่อป้องอันตรายหากโดนกระแทกหรือสัมผัสอย่างรุนแรง กลไกการหดตัวนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งการเคลื่อนไหวของ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ เป็นไปอย่างราบรื่นและสง่างาม กลไกนี้ถูกเรียกขานกันว่า ‘เดอะ ไรส์’ (The rise) ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ทุกคันที่ได้รับการสร้างสรรค์โดยทีมงานหัตถศิลป์ในกู๊ดวูด
จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม
‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ เกิดจากการหล่อขึ้นรูปซึ่งเป็นวิธีการเก่าแก่กว่า 5,000 ปีจวบจนกระทั่งปีพ.ศ. 2542 และเป็นที่น่าเหลือเชื่อที่มร.ชาร์ลส ไซค์ส และบุตรสาวของเขา โจเซฟีนได้ช่วยกันหล่อ สลักและตกแต่ง ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ทุกชิ้นให้เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์สวยงามจนถึงปีพ.ศ. 2482
ในการเตรียมงานเปิดตัวยนตรกรรมแฟนธอมในปีพ.ศ. 2546 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ชุบชีวิต ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ด้วยการใช้วิธีการหล่อขึ้นรูปสมัยใหม่โดยทำงานร่วมกับบริษัทผู้เชี่ยวชาญในเซาท์แฮมตัน ประเทศอังกฤษ
ขั้นตอนแรกคือการจัดวางองค์ประกอบของ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ต้นแบบในคอมพิวเตอร์ และค่อย ๆ ปรับแต่งและเพิ่มรายละเอียดเพื่อให้ได้ภาพ 3 มิติที่สมบูรณ์แบบ และเพื่อให้มั่นใจว่าทุกรายละเอียดจะถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างแม่นยำ แม่พิมพ์ฉีดถูกทำขึ้นโดยช่างฝีมือผู้มีทักษะที่ใช้คัตเตอร์ที่มีความหนาเพียง 0.2 มิลลิเมตรเท่านั้น เครื่องมือหล่อถูกใช้เพื่อให้ได้หุ่นขี้ผึ้งต้นแบบที่สมมาตรที่สุดก่อนที่จะเคลือบด้วยเซรามิก หลังจากเซรามิกแห้ง ขี้ผึ้งก็จะละลายเหลือไว้แต่ตัวแม่พิมพ์ที่สมบูรณ์สำหรับรอการขึ้นรูปครั้งต่อไป
‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ แต่ละชิ้นทำจากการเทเหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) เหลวลงในแม่พิมพ์ที่อุณหภูมิ 1,600 องศาเซลเซียส เมื่อเหล็กกล้าเริ่มเย็นตัวลง แม่พิมพ์จะถูกเปิดออกเพื่ออวดโฉมของ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ที่งดงาม หลังจากนั้นจะถูกส่งไปยังแผนกตกแต่งขั้นตอนสุดท้ายที่ใช้วิธีการเสริมความแข็งให้กับโลหะ (Peening) รูปปั้นจะถูกขัดพื้นผิวแบบพ่นยิงโดยการใช้เม็ดเหล็กกล้าไร้สนิมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.04 มิลลิเมตรหลายล้านเม็ดขัดพื้นผิวโดยปราศจากรอยขีดข่วน หลังจากผ่านขั้นตอนของการใช้เครื่องจักรแล้ว ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ จะถูกขัดขึ้นเงาเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่จะถูกตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ที่สมบูรณ์เท่านั้นที่จะมีสิทธิได้ถูกประดับบนกระจังหน้าของยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์
รูปปั้น ‘วิสเปอร์’ ดั้งเดิม และสปิริต ออฟ เอ็กสตาซีชิ้นอื่น ๆ ของมร. ไซค์ส ถูกจัดแสดงในนิทรรศการถาวร ณ พิพิธภัณฑ์ ยานยนต์แห่งชาติในบิวลี ประเทศอังกฤษ
การเฉลิมฉลองอย่างมีสไตล์
เมื่อเดือนมกราคม 2554 โรลส์-รอยซ์ได้เปิดตัว Spirit of Ecstasy Centenary Collection เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงนี้ คอลเล็กชันนี้นำเสนอสีตัวถังพิเศษ การผสมผสานของชนิดหนัง ไม้วีเนียร์ และรายละเอียดตกแต่งภายในสำหรับยนตรกรรมแฟนธอมสั่งทำพิเศษจำนวนจำกัดเพียง 100 คันเท่านั้น โดยทั้ง 100 คันนี้ได้รับการตกแต่งด้วย ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ที่สั่งทำขึ้นพิเศษด้วยเงินแท้ พร้อมข้อความที่ระลึก 6 แบบ (รวมดีไซน์ 2 แบบที่ถูกออกแบบขึ้นพิเศษสำหรับโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส) ประทับบนฐานชุบทองดำเปล่งประกาย นอกจากนี้ โรลส์-รอยซ์ยังได้มอบหมายให้ แรนคิน ช่างภาพถ่ายรูปบุคคลและแฟชั่นชื่อดังชาวอังกฤษในการจัดทำชุดภาพถ่าย 100 ภาพที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’
แรงบันดาลใจของแบรนด์
‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยมร. ชาร์ลส โรบินสัน ไซค์ส (ปีพ.ศ. 2418-2493) ศิลปินและนักวาดภาพประกอบที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จัก ผลงานออกแบบอันโดดเด่นสำหรับชิ้นงานโฆษณาและปกนิตยสารของเขาถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์วิกตอเรียแอนด์อัลเบิร์ต (Victoria & Albert Museum) ที่มีชื่อเสียงในกรุงลอนดอน และนี่คือสิ่งที่ยังคงทำให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อกับโลกแห่งศิลปะมาโดยตลอด เพราะ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ทำหน้าที่เป็นแรงบันดาลใจและเป็นต้นกำเนิดแห่งความคิดสร้างสรรค์ให้แก่แบรนด์โรลส์-รอยซ์
ในปีพ.ศ. 2559 มร.ชาร์ลส ไคซิน (Charles Kaisin) นักออกแบบชาวเบลเยียมได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วยวิธีการพับกระดาษ 2,500 ชิ้น โดยใช้กระดาษเงินพับเป็นรูป ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ และนำมาประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นการรำลึกถึงสัญลักษณ์ที่มีความโดดเด่นเป็นที่จดจำนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับแวดวงศิลปะนั้นมีมายาวนาน และได้เพิ่มความแข็งแกร่งผ่าน ‘มิวส์’ (MUSE) โครงการศิลปะของโรลส์-รอยซ์ และในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของมิวส์ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี ชาเลนจ์’ (Spirit of Ecstasy Challenge) โครงการราย 2 ปี ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อเชื้อเชิญศิลปินหน้าใหม่และเก่ามาร่วมกันปรับอัตลักษณ์ของ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ผ่านการเลือกใช้วัสดุ และวิธีการตามความถนัด
มองสู่อนาคต
ในปีพ.ศ. 2563 ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ได้ถูกปลุกและปรับรูปโฉมใหม่มาในนามของ ‘ดิ เอ็กซ์เพรสชัน’ (The Expression) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์โรลส์-รอยซ์ เธอปรากฏกายอย่างสง่างามราวกับความฝัน มีความร่วมสมัย และทันต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ของโรลส์-รอยซ์ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านสินค้าลักชัวรีที่ทันสมัย