“เมื่อนักเขียนได้ติดต่อเรามาพร้อมรายละเอียดโครงงานของหนังสือเล่มนี้ เราเปิดรับโอกาสนี้ทันที ทั้ง Simon และ Harvey คือนักเขียนที่ยอดเยี่ยมเปี่ยมด้วยพลังในการรับรู้ มีความซื่อสัตย์ และความกระตือรือร้น พวกเขาเข้ามาที่สำนักงานใหญ่ของโรลส์-รอยซ์ที่กู้ดวูดในมณฑลเวสต์ ซัสเซกส และเราให้การสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่ด้วยการอนุญาตให้เยี่ยมชมแผนกต่าง ๆ และพูดคุยกับทีมงานที่เขาต้องการ เนื้อหาผนวกกับภาพถ่ายโดย Mariano Vilarós ทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นคำจำกัดความของประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่เดินทางมายาวนาน จวบจนปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้เป็นตัวแทนของความหมายที่มีคุณค่าบ่งบอกถึงความเป็นโรลส์-รอยซ์ เป็นการเฉลิมฉลองที่ดีเยี่ยมของยนตรกรรม และทีมงานที่มีเอกลักษณ์ของเรา และแน่นอนที่สุดเป็นหนังสือที่คู่ควรต่อการให้ความสำคัญของวันหนังสือโลก”
Torsten Müller-Ötvös, Chief Executive, Rolls-Royce Motor Cars
Rolls-Royce ร่วมฉลองวันหนังสือและลิขสิทธิ์โลก (World Book and Copyright Day) โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในวันที่ 23 เมษายน 2564 ด้วยการเปิดตัวหนังสือ Making A Legend ที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการออกแบบและงานฝีมือที่สร้างสรรค์ยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์รุ่นปัจจุบัน ณ Global Centre of Luxury Manufacturing Excellence ของโรลส์-รอยซ์ในกู้ดวูด ประเทศอังกฤษ
หนังสือ Making A Legend เป็นส่วนเพิ่มเติมที่สำคัญและมีคุณค่าต่อหนังสือที่เกี่ยวกับ Rolls-Royce ที่มีอยู่หลากหลาย โดยนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ ในมุมกว้างผ่านยนตรกรรมในช่วงแรกตั้งแต่ยุค 1900 จนถึงยนตรกรรม Ghost ใหม่ที่เปิดตัวในปีพ.ศ. 2563
หนังสือเล่มนี้เจาะลึกเรื่องราวอย่างใกล้ชิดของทีมงานโรลส์-รอยซ์ในยุคปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงผู้อ่านเข้ากับทีมงานผู้สร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดีที่สุดในโลก การเล่าเรื่องเป็นไปตามขั้นตอนการถ่ายทอดความคิดของลูกค้าสู่ยนตรกรรมที่เป็นรูปธรรม ผ่านบทสัมภาษณ์ของทีมงานจากแต่ละแผนก รวมถึง ทีม นักออกแบบแผนกการบริการสั่งทำพิเศษ (บีสโป๊ก) ทีมช่างหัตถศิลป์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการประกอบรถและชิ้นส่วนยานยนต์
ภายในหนังสือเกือบ 300 หน้านี้อัดแน่นด้วยภาพประกอบที่แสดงรายละเอียดทุกขั้นตอนของการสร้างสรรค์ยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ ตั้งแต่การออกแบบ การรังสรรค์โครงสร้างทางวิศวกรรม และงานฝีมืออันประณีต เนื้อหาในแต่ละบทครอบคลุมรายละเอียดของการออกแบบและการรังสรรค์ยนตรกรรมเฉพาะบุคคล งานสีและการตกแต่งขั้นตอนสุดท้าย งานประกอบแชสซี งานไม้ งานหนัง และการทดสอบสมรรถนะ อีกทั้ง ยังมีอีกส่วนหนึ่งของเนื้อหาที่นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับ Spirit of Ecstasy สัญลักษณ์หญิงสาวที่ทะยานไปข้างหน้าที่ถูกประดับบนฝากระโปรงหน้ายนตรกรรมโรลส์-รอยซ์อย่างสง่างามมากว่า 100 ปีโดยเฉพาะ
นับเป็นครั้งแรกที่โรลส์-รอยซ์อนุญาตให้ Harvey Briggs ผู้สื่อข่าวสายยานยนต์เจ้าของรางวัลเอมมี Simon Van Booy นักประพันธ์นวนิยาย และช่างภาพ Mariano Vilarós เข้าไปเก็บรายละเอียดเบื้องหลังการทำงานของทีมงานโรลส์-รอยซ์และเยี่ยมชมสำนักงานในส่วนต่าง ๆ เป็นเวลาหลายเดือนก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19
Briggs ผู้เติบโตในดีทรอยต์เมืองแห่งยานยนต์ของอเมริกา และได้เคยรีวิวยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์รุ่นใหม่มาแล้วทุกรุ่นนับตั้งแต่ Wraith ในปีพ.ศ. 2556 ยังจำความรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นงานจำนวนมากที่ต้องอาศัยมือในการรังสรรค์ แม้แต่ในขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เขายังคงประทับใจกับนวัตกรรมขั้นสูงที่ใช้ใน ยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์รุ่นปัจจุบัน และความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่จะส่งมอบยนตรกรรมคุณภาพที่ไร้ที่ติให้แก่ลูกค้า
Harvey Briggs กล่าวว่า “ครั้งแรกที่ผมได้ไปเยี่ยมชมสำนักงาน Rolls-Royce ในกู้ดวูด ผมรู้สึกตกตะลึงในความคิดสร้างสรรค์สุดพิเศษ และทักษะของทีมงานที่ออกแบบและรังสรรค์ยนตรกรรมที่มีความพิเศษเหล่านี้ ผมรู้เลยว่าผมต้องบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้”
Simon Van Booy กล่าวเสริมว่า “ความสมบูรณ์แบบที่มีต่องานหัตถศิลป์ได้ถูกถ่ายทอดจากบุคคลที่เราได้สัมภาษณ์ กอปรกับภาพถ่ายที่ถูกบันทึกโดย Mariano เป็นแรงบันดาลใจให้เราตระหนักได้ว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นสิ่งที่หายากและมหัศจรรย์ และใช้งานได้จริง ซึ่งเหมือนกับยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์นั่นเอง”
วันหนังสือและลิขสิทธิ์โลก ถูกกำหนดขึ้นโดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เพื่อให้ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของหนังสือ และคุณค่าของการอ่านที่ช่วยเชื่อมโยงอดีตและอนาคต รวมทั้งความสัมพันธ์ของมนุษย์จากรุ่นสู่รุ่นและวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ วันที่ 23 เมษายน ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งโลกวรรณกรรมที่นักเขียนบทละครและกวีชื่อก้องโลก William Shakespeare และ Miguel de Cervantes ผู้ประพันธ์วรรณกรรมเรื่อง Don Quixote รวมทั้งนักเขียนชาวเปรูในยุคแรก Inca Garcilaso de la Vega ที่ต่างเสียชีวิตลงพร้อมกันในวันนี้
Making A Legend ถูกจัดพิมพ์รูปเล่มปกแข็งโดยสำนักพิมพ์ ACC Art Books และวางจำหน่ายตามร้านหนังสือชั้นนำ