ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามจากอัตราการเติบโตภายในระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2021 ทั้งยังมุ่งมั่นสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้าปอร์เช่ ที่ไว้วางใจในสมรรถนะของยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) มียอดจำหน่ายสูงถึง 1 ใน 4 จากยอดจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่รวมทั้งหมดทุกรุ่น โดยมากกว่า 71 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตัดสินใจซื้อ ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) เป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยครอบครองรถยนต์ปอร์เช่มาก่อน
จากปรากฏการณ์ดังกล่าว ทำให้อัตราการเติบโตและยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางเดียวกับสถิติยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่ของปอร์เช่ระดับโลกและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งปอร์เช่มียอดส่งมอบรถยนต์ใหม่ทั่วโลกอยู่ที่ 153,656 คัน หรือคิดเป็นอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นกว่า 31 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า และสำหรับปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิค (Porsche Asia Pacific) สามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 87 เปอร์เซ็นต์ จนทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นภูมิภาคที่มีผลการดำเนินงานดีเยี่ยมที่สุดในครึ่งปีแรกของปี 2021 ได้สำเร็จ
ธนบดี กุลทล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวว่า “เราได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีในการสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ปอร์เช่ และธุรกิจรถสปอร์ตในประเทศไทย ปี 2021 คือจุดเริ่มต้นที่ดีในการยกระดับความแข็งแกร่งในอนาคตของ ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งความสำเร็จนี้พิสูจน์ได้จากยอดจำหน่ายปัจจุบัน ตลอดจนผลการดำเนินงานที่มุ่งเน้นและส่งเสริมความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้รถพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย โดยทุกๆ 1 ใน 4 ของรถยนต์ปอร์เช่ที่ถูกจำหน่ายออกไปคือ ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ 100% จากปอร์เช่”
ความสำเร็จที่นำไปสู่การเริ่มต้นแห่งยุคใหม่ของยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย
ปอร์เช่ ประเทศไทย ในฐานะตลาดขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และประสบความสำเร็จจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม มุ่งหวังที่จะพัฒนาและยกระดับความเชื่อมั่นในยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า ตลอดจนการสรรสร้างประสบการณ์การขับขี่อันน่าประทับใจให้กับลูกค้าปอร์เช่ สำหรับผู้ต้องการครอบครองปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ทุกรุ่น รวมไปถึง ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan Cross Turismo) ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดที่ได้เข้ามาเสริมทัพให้แก่ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าของปอร์เช่ ขณะนี้พร้อมรับคำสั่งซื้อแล้ว ที่โชว์รูมปอร์เช่ ทั้ง 4 สาขา โดยลูกค้าสามารถเลือกออปชั่นสำหรับรถปอร์เช่คันโปรดได้อย่างอิสระมากกว่า 600 รูปแบบ ซึ่งปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ได้ติดตั้งนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยอันชาญฉลาดมากมาย ในการยกระดับสมรรถนะและทัศนวิสัยแห่งการขับขี่ รวมถึงการติดตั้งชุด Performance Battery Plus เพื่อช่วยให้สามารถเดินทางได้ระยะทางไกลขึ้นสูงสุด 484 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP) และ Porsche Mobile Charger Connect ที่จะทำงานร่วมกับระบบจัดการพลังงานภายในที่พักอาศัย Home Energy Manager ฟังก์ชั่นอัจฉริยะที่อำนวยความสะดวกในการชาร์จไฟฟ้าได้อย่างหลากหลาย เช่น tariff-optimised charging และการประสานการทำงานกับระบบ photovoltaic ระหว่างกระบวนการชาร์จ
ลูกค้าปอร์เช่ จากเอเอเอสฯ มั่นใจได้ว่ายนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าของท่านจะได้รับการดูแลอย่างสมบูรณ์แบบจาก Porsche Centre Bangkok และ Porsche Centre Pattanakarn ซึ่งเป็นศูนย์บริการที่ได้รับมาตรฐานการรับรองจากโรงงานปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) ประเทศเยอรมนี รวมถึงยังเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยช่างผู้ชำนาญการและทีมวิศวกรทุกคนที่ผ่านการรับรอง Certified EV Technician ในทักษะการซ่อมแซมหรือซ่อมบำรุงรถพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งช่างผู้ชำนาญการจะดูแลรถปอร์เช่ของคุณ โดยการใช้เครื่องมือที่ทันสมัยในการวิเคราะห์ แก้ไขปัญหา ซ่อมแซมและซ่อมบำรุง ตลอดจนการทดสอบและจัดเก็บแบตเตอรี่ตามข้อกำหนดของโรงงานปอร์เช่
อนาคตอันใกล้นี้ Porsche Centre Bangkok กำลังจะเปิดตัวศูนย์ซ่อมบำรุงแบตเตอรี่ High Voltage ขึ้นเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสถานที่ อุปกรณ์ และเครื่องมือล้วนสมบูรณ์พร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ซึ่งศูนย์ซ่อมบำรุงแบตเตอรี่ High Voltage นี้จะถูกสร้างขึ้นตามมาตรฐานของโรงงานปอร์เช่ เพื่อนำเสนองานบริการชั้นเลิศแด่ลูกค้าปอร์เช่ ในการบำรุงรักษาและเปลี่ยนแบตเตอรี่ High Voltage และลูกค้าผู้ครอบครอง ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ทุกรุ่น สามารถสัมผัสประสบการณ์ในการขับขี่ที่ดีที่สุดจากยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าของท่านได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล เช่นเดียวกับผู้ครอบครองรถยนต์ปอร์เช่ทุกคันที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ปอร์เช่ ประเทศไทย ด้วยโปรแกรมการบำรุงรักษาตามระยะทาง นอกจากนี้ยังเพิ่มความอุ่นใจด้วยสิทธิ์การซื้อการรับประกันจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี นานสูงสุด15 ปี ตลอดจนการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี สำหรับรถยนต์ รุ่นไฮบริดและรถพลังงานไฟฟ้า โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ความสะดวกสบายเหนือระดับในทุกจุดหมายปลายทาง ด้วยการเพิ่มเครือข่ายสถานีบริการชาร์จพลังงานไฟฟ้า
ปอร์เช่ ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ในการใช้ชีวิตอันสะดวกสบายในทุกจุดหมายปลายทางให้กับผู้ขับขี่ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) และผู้ขับขี่รถยนต์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ด้วยการเพิ่มเครือข่ายสถานีบริการชาร์จพลังงานไฟฟ้า Porsche Destination Charging network เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นโดยเริ่มตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงสถานีบริการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแห่งใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ได้แก่ เควิลเลจ สุขุมวิท 26, เจ อเวนิว ทองหล่อ, ลา วิลล่า อารีย์, มาร์เก็ตเพลส กรุงเทพกรีฑา และเอกมัย พาวเวอร์ เซ็นเตอร์
นโยบายการตอบแทนสังคม
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เล็งเห็นถึงความสำคัญของนโยบายการตอบแทนสังคม ในการพัฒนาและแสดงความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ท่ามกลางวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) บริษัทจึงได้มอบเงินบริจาคพร้อมส่งกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจำนวน 1 ล้านบาท และสมทบทุนสนับสนุนชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ 500 ชุด รวมถึงบริจาคเตียงเพื่อผู้ป่วยโรค Covid-19 ให้แก่โรงพยาบาลทั้งหมด 100 ชุด
ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า “การช่วยเหลือสังคม คือรากฐานวัฒนธรรมองค์กรของปอร์เช่ ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลบุคลากรอันเปรียบเสมือนบุคคลในครอบครัว ในขณะที่วิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) ยังคงส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของพนักงาน ลูกค้า และสังคมของเรา นโยบายการตอบแทนสังคมจึงนับเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่เราตั้งใจจะทำให้สำเร็จเช่นกัน สำหรับการส่งมอบกำลังใจและความช่วยเหลือไปยังทุกคน เราหวังว่าความพยายามของเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนผ่านพ้นช่วงเวลาอันแสนยากลำบากไปได้ และสิ่งเหล่านี้เองจะทำให้เรามีประสบการณ์ และสามารถเรียนรู้หาหนทางของการดำรงชีวิตร่วมกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้”