วิธีประหยัดน้ำมัน พร้อมเทคนิคการขับรถยนต์ ขับอย่างไรให้ลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและช่วยถนอมเครื่องยนต์ให้เสื่อมสภาพช้าลง
เป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 และความตึงเครียดในหลายภูมิภาคทั่วโลก เศรษฐกิจในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวและตอนนี้ที่เข้าสู่ฤดูร้อน ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต้องเสียเงินเพื่อเติมน้ำมันมากกว่าเดิม
จากสถานการณ์เช่นนี้ ปตท. จึงอยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมใจใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะนอกจากจะลดค่าใช้จ่ายของเราแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในภาพรวมของประเทศ นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคน่ารู้ให้ใช้รถยนต์ประหยัดน้ำมันแบบง่ายๆ เพียงปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับรถ ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงได้
ยิ่งขับเร็วเท่าไหร่ รถยนต์ยิ่งกินน้ำมันมากขึ้นเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งหลักพื้นฐานที่ผู้ใช้รถคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว โดยปกติรถยนต์ส่วนใหญ่จะประหยัดที่สุดเมื่อวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 50 - 80 กม./ชม. หากวิ่งเกินโซนความเร็วนี้ไปจะผลาญเชื้อเพลิงมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้หากรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอตลอดเส้นทาง จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและลดอัตราการใช้เชื้อเพลิงได้ด้วยเช่นกัน
2. หมั่นตรวจสอบแรงดันลมยาง
ลมยางที่อ่อนเกินไป นอกจากจะอันตรายต่อการขับขี่แล้ว ยังเป็นตัวการที่ทำให้รถกินน้ำมันมากยิ่งขึ้น ควรเติมลมยาง หรือคอยตรวจสอบแรงดันลมยาง ไม่ให้อ่อนมากจนเกินไป เพราะลมยางที่ถูกต้องตามมาตรฐานช่วยยืดอายุยาง และช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง ที่สำคัญหากจะขับออกทางไกลก็เติมลมเผื่อเอาไว้สักหน่อย นอกจากจะช่วยทำให้ยางไม่มีอุณหภูมิสูงเกินไปขณะวิ่งด้วยความเร็วแล้ว ยังช่วยทำให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกด้วย ยางที่มีลมอ่อนจะเสี่ยงต่อการระเบิดและทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น
การออกตัวเมื่อจอดรอสัญญาณไฟจราจรเป็นคันแรก ไม่ควรใช้คันเร่งอย่างเต็มที่ ใช้วิธีค่อยๆ กดคันเร่งไปเรื่อยๆ เพิ่มความเร็วแบบค่อยเป็นค่อยไป เครื่องยนต์และเกียร์จะทำงานไม่หนักมากด้วยการออกตัวอย่างนิ่มนวล แถมยังได้อัตราสิ้นเปลืองเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยในยุคน้ำมันแพง ให้ใช้คันเร่งตอนออกตัวแบบค่อยๆ กดจะทำให้ประหยัดน้ำมันได้ดี
4. สำรวจสภาพการจราจรก่อนออกเดินทาง
ก่อนจะออกเดินทางไปในเขตเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น ลองเปิดแอพพลิเคชั่น รายงานสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจสอบสภาพการจราจรตลอดเส้นทางว่าโล่ง หรือการจราจรหนาแน่น ถ้าเห็นว่าแดงทั้งเส้น ก็ควรหาทางหลีกเลี่ยง หากไม่มีความจำเป็น
5. ดับเครื่องยนต์เมื่อจอดรอนานๆ
ระบบ Auto Start/Stop ที่ติดตั้งมาให้ในรถยนต์รุ่นใหม่ ควรเปิดการใช้งาน อาจทำให้รู้สึกรำคาญกับการติดๆ ดับๆ ของเครื่องยนต์ แต่ช่วยทำให้ประหยัดน้ำมัน มลพิษในอากาศลดลง และเครื่องยนต์ยังมีโอกาสพักการทำงาน ทั้งนี้ระบบ Auto Start/Stop นั้น ก็จะทำให้ไดร์สตาร์ตทำงานพร่ำเพรื่อมากเกินไปได้เช่นกัน
เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ตอนเช้า รอให้รอบเครื่องลดลงก็สามารถขับออกไปได้เลย ไม่ต้องรอจนความร้อนขึ้นถึงขีดกึ่งกลาง ออกจากที่พักเพื่อไปทำงานก็ใช้ความเร็วต่ำ เมื่อเครื่องยนต์ยังไม่ถึงเกณฑ์อุณหภูมิการทำงาน ก็ไม่ควรกดคันเร่ง ลากรอบลากเกียร์เพื่อไปให้เร็วขึ้น ขับไปสักครู่ความร้อนของเครื่องยนต์ก็เข้าสู่เกณฑ์ปกติ ไม่ต้องจอดเดินเบาอยู่กับที่นานเกินไป ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันไปโดยเปล่าประโยชน์ แถมยังก่อมลพิษอีกด้วย
สามารถปรับอุณหภูมิระบบปรับอากาศของรถยนต์ โดยตั้งเอาไว้ที่ 25 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่านั้นก็ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงได้
8. นำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถ
ข้าวของเครื่องใช้ในรถที่มากเกินไป เช่น รองเท้าที่ไว้ท้ายรถ แฟ้มเอกสาร ตำราเรียน หนังสือ หรือกระเป๋าของใช้กระจุกกระจิก หากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานในวันนั้น ก็นำออกจากรถบ้าง เพื่อไม่เป็นการเพิ่มน้ำหนักโดยใช่เหตุ ทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น
9. หมั่นตรวจเช็กสภาพรถ
เมื่อถึงเวลาครบกำหนดที่คุณต้องนำรถเข้าไปตรวจเช็กสภาพ ซึ่งการตรวจสภาพเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากจะช่วยทำให้รถยนต์ของคุณพร้อมในการขับขี่ ยังช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้อีกด้วย เนื่องจากการที่รถยนต์กินน้ำมัน อาจจะมีสาเหตุมาจากการที่อุปกรณ์ต่างๆ เสื่อมสภาพก็เป็นไปได้ ดังนั้นถ้าหากถึงเวลาที่ควรจะต้องนำรถไปเช็กสภาพ ก็ไม่ควรที่จะละเลย
ทั้งหมดนี้ คือ 9 ข้อง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ ลองนำไปปรับใช้ เพียงแค่นี้คุณก็จะประหยัดค่าน้ำมัน แถมยังเป็นการถนอมรถให้ใช้งานได้นานขึ้นอีกด้วย แต่ที่สำคัญต้องปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อการขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง ...มาร่วมใจกันใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า และก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้เพื่อสร้างโลกที่น่าอยู่ไปด้วยกัน