ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี พุ่งทะยานสู่การเติบโตที่รวดเร็วยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เปิดเผยผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2565 สูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของทุกปี พร้อมกันนี้ บริษัทซูเปอร์คาร์แห่ง ซาน ตากาตา ยังได้กล่าวอำลาต่อเครื่องยนต์สันดาปแบบ “บริสุทธิ์” รุ่น V12 เพื่อให้สอดคล้องตามแผนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในปีหน้าและมุ่งสู่การผลิตรถยนต์กลุ่มไฮบริดทั้งหมดภายในปี 2024
ผลประกอบการตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายนที่ผ่านมา ระบุว่าบริษัทส่งมอบรถยนต์จำนวน 7,430 คัน (+8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2021) โดยทั้ง 3 ภูมิภาคหลักทั้งอเมริกา เอเชียแปซิฟิก รวมถึงกลุ่มภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา มีการเติบโตตามสัดส่วนที่คาดการณ์ไว้ โดยกลุ่มตลาดอ้างอิงยังคงประกอบด้วยสหรัฐฯ (+8%) ตามมาด้วยจีนแผ่นดินใหญ่ (+5%) เยอรมนี (+16%) สหราชอาณาจักร (+20%) และญี่ปุ่น (+26%) โดยผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกสูงถึง 193 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 30.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2021 ผลกำไรจากการดำเนินงานยังแสดงว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นที่ 68.5% อยู่ที่ 570 ล้านยูโร โดยมีผลตอบแทนจากการขาย (RoS) เพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 29.6% จาก 22.8% ของช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งผลกำไรที่เพิ่มขึ้นนี้เกิดจากยอดจำหน่ายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งการเติบโตของรายรับต่อคันโดยเฉลี่ย (ซึ่งมาจากอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมในรถยนต์และรายการปรับแต่งรถยนต์เฉพาะบุคคล Ad Personam ที่เพิ่มสูงขึ้น) และแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ดี สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี กล่าวว่า “อัตราการเติบโตที่มั่นคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ลัมโบร์กินีในวันนี้ เราได้รับคำสั่งซื้อต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2024 ซึ่งทำให้เราสามารถดำเนินงานไปได้อย่างมั่นใจ และพร้อมรับความท้าทายที่รอคอยเราอยู่ในอนาคต อาทิ ก้าวแรกสู่เครื่องยนต์ไฮบริดตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป”
เปาโล โพมา กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี กล่าวเสริมว่า “สถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งบริษัทของเราก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวที่ฉับไวผ่านการเติบโตทั้งในธุรกิจหลักและตัวชี้วัดทางการเงินทั้งหมด โดยเราคาดว่าจะสามารถปิดปีการเงินนี้ได้ดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา”
เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ทุกรุ่น รถยนต์ในตระกูล Huracán มีการเติบโตมากกว่าด้วยจำนวนการส่งมอบทั่วโลกมากถึง 2,378 คัน เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน รถยนต์ตระกูล Urus ก็มียอดการส่งมอบสูงถึง 4,834 คัน ในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน (+7%) ซึ่งถือเป็นการส่งมอบรถยนต์ประเภทซูเปอร์เอสยูวีในระยะเวลา 9 เดือนแรกของปีที่มีจำนวนมากที่สุดของบริษัท นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2018
สำหรับเครื่องยนต์ V12 ในตระกูล Aventador ก็ได้ปิดรอบการผลิตเป็นที่เรียบร้อย โดยลัมโบร์กินีต้องอำลาต่อ Aventador รุ่นสุดท้ายเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ท่ามกลางความตื้นตันของบรรดาผู้ที่เคยปฏิบัติงานในสายการผลิตนี้มาตั้งแต่ปี 2011 ซึ่ง Aventador ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในฐานะรถยนต์ระดับไอคอนิกรุ่นหนึ่งบนหน้าประวัติศาสตร์ของลัมโบร์กินี
ในปี 2022 บริษัทมีโครงการริเริ่มใหม่ขึ้นมากมาย สืบเนื่องจากการเฉลิมฉลองเครื่องยนต์สันดาปภายในเมื่อปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การเริ่มส่งมอบ Huracán STO ตามมาด้วยการเปิดตัว Huracán Tecnica ไปจนถึงการนำเสนอการปรับโฉมของ Urus ในรุ่น Urus S และ Urus Performante ที่ได้รับการพิสูจน์สมรรถนะด้วยการทำลายสถิติการขับขี่ของรถยนต์ประเภทเอสยูวีบนเส้นทางทดสอบสุดหฤโหดอันเลื่องชื่อที่ Pikes Peak สหรัฐอเมริกา
การอำลาเครื่องยนต์สันดาปครั้งสุดท้ายจะจัดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ที่นิทรรศการ Art Basel ไมอามี สหรัฐอเมริกา โดยจะมีการจัดแสดงรถยนต์สุดแกร่งตระกูล Huracán ซึ่งได้ถือกำเนิดมาเพื่อมอบความประทับใจและสร้างสรรค์รถยนต์กลุ่มใหม่ให้แก่โลกซูเปอร์สปอร์ต
ดูรูปและวิดีโอที่ media.lamborghini.com
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.lamborghini.com