นับเป็นการรุกธุรกิจแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงาน และยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 เมื่อ ปตท. จับมือ เมตรอน สร้างโอกาสในการต่อยอดธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมให้กับประเทศไทยในเวทีโลก
ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาความร่วมมือในธุรกิจแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management Platform) ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เมตรอน เอเชียแปซิฟิก จำกัด (เมตรอน)
โดยมี นางสุณี อารีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดค้าปลีกและวิศวกรรมก๊าซธรรมชาติ ปตท. และ Mr. Vincent Sciandra ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมตรอน เอเชียแปซิฟิก จำกัด เป็นผู้ลงนาม เพื่อขยายตลาดเอนเนอร์ยี่โซลูชั่นส์ในประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยี Advanced Energy Intelligence Platform เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย และตอบสนองนโยบายภาครัฐตามเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)
ม.ล.ปีกทอง กล่าวว่า ปตท. และ เมตรอน มุ่งมั่นในการพัฒนา Energy Management Platform เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในการจัดการพลังงานให้กับลูกค้าภาคอุตสาหกรรมของ ปตท. ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ลดต้นทุนและใช้พลังงานอย่างยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการพลังงานขั้นสูงของเมตรอน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 และเป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ อีกทั้งเป็นการสนับสนุนนโยบายที่จะเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมให้กับประเทศไทยในเวทีโลก
ทางด้าน Mr.Vincent เผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นขยายตลาดการให้บริการระบบ Energy Management and Optimization Solution (EMOS) ในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับการให้บริการและสนับสนุนด้าน Digital Solutions เพื่อให้ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมของ ปตท. สามารถบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตอีกด้วย
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง ปตท. และ เมตรอน ในครั้งนี้ นับเป็นการส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรม โดยได้เริ่มใช้ระบบการจัดการพลังงานให้กับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กแล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือเพื่อยกระดับมาตรฐานสำหรับการพัฒนาการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืนของประเทศไทย