ปักหมุด ‘เชลล์ คาเฟ่’ จุดแวะพักของนักเดินทาง เปิดให้บริการแล้ว 100 แห่งทั่วประเทศ

  • November 20, 2023

บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด โดยกลุ่มธุรกิจโมบิลลิตี้ ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง เดินหน้าขยายสาขาเชลล์ คาเฟ่ ครอบคลุมสถานีบริการทั่วประเทศถึง 100 แห่งแล้ววันนี้ ตอกย้ำแนวคิดของการเป็นจุดแวะพักของนักเดินทางที่พร้อมเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มคุณภาพ มอบประสบการณ์การพักผ่อนในสถานีบริการเชลล์ที่สะดวกสบาย ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างคาเฟ่และร้านสะดวกซื้อ เพิ่มความสดชื่นด้วยกาแฟและเครื่องดื่มเกรดพรีเมียม จากฝีมือบาริสต้ามือโปรเบเกอรี่ชั้นเยี่ยม และอิ่มอร่อยกับเมนูเด็ดในตำนานการันตีโดยเชลล์ชวนชิม พร้อมสินค้าหลากหลายให้เลือกสรรได้ครบจบที่เชลล์ คาเฟ่ ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่มาใช้บริการสถานีบริการเชลล์ ที่ต้องการจุดแวะพักที่สะดวกสบายระหว่างการเดินทาง เพื่อเติมพลังให้รถและเติมพลังให้คนไปพร้อมกัน

“เชลล์ คาเฟ่ สาขาแรกในประเทศไทยเปิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2565 ที่สถานีบริการน้ำมันเชลล์ ปากซอยนวลจันทร์ ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันเชลล์ คาเฟ่ มีทั้งสิ้น 100 สาขา และเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์เชลล์ คาเฟ่ กว่า 1,800 สาขา ใน 20 ประเทศทั่วโลก ทำให้ทุกการแวะเข้ามาใช้บริการในปั๊มน้ำมันเชลล์เต็มไปด้วยความคุ้มค่า เพราะนอกจากที่จะได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงแล้ว ลูกค้ายังจะได้ลิ้มรสกับกาแฟสดหอมกรุ่น ที่สกัดจากเมล็ดกาแฟอาราบีกา เกรดออร์แกนิค 100% ที่คั่วในรูปแบบเฉพาะของเรา  Tasting Notes กลิ่นหอมของช็อคโกแลต และเกสรดอกไม้ ที่ผลิตโดยเกษตรกรทางภาคเหนือของประเทศไทย ทำให้เมนูอเมริกาโน่เย็น กลายเป็นเมนู Best seller ที่ลูกค้าชื่นชอบมากที่สุด นอกจากนี้ อีกหนึ่งความพิเศษที่เชลล์ คาเฟ่ คัดสรรมาให้ลูกค้าลิ้มลอง คือ อาหารพร้อมทานที่อร่อยระดับเชลล์ชวนชิมการันตี ไม่ว่าจะเป็น โจ๊กสามย่าน เกาเหลาเนื้อวัดดงมูลเหล็ก ข้าวขาหมู และหมูปิ้งสูตรเชลล์ชวนชิม ที่พร้อมเสิร์ฟลูกค้าทุกท่านให้อิ่มอร่อยตลอดการเดินทาง เป็นความภูมิใจของเชลล์ที่ได้มีส่วนช่วยยกระดับร้านอาหารสตรีทฟู้ดในตำนานของไทยให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น” นายโอมาร์ เชค กรรมการบริหาร ธุรกิจโมบิลลิตี้ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าว

สำหรับร้านเชลล์ คาเฟ่ ใหม่ มีการรีแบรนด์ดิ้งและปรับปรุงรูปลักษณ์จากร้านเดลี่คาเฟ่เดิม มีพื้นที่รับรองลูกค้าเพื่อความสะดวกสบายมากขึ้น ปัจจุบันร้านเชลล์ คาเฟ่มี 3 รูปแบบด้วยกันคือ 1) เชลล์ คาเฟ่ Clip-in ที่ออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่นที่ลงตัวระหว่างเชลล์ คาเฟ่และร้านสะดวกซื้อเชลล์ ซีเล็ค ให้ลูกค้าสามารถจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่จำเป็นสำหรับการเดินทางได้พร้อมๆ ไปกับการสั่งซื้อเครื่องดื่มกาแฟอาราบีกา 100%  และเครื่องดื่มรสเยี่ยมอื่นๆ พร้อมเบเกอรี่สด ไม่ว่าจะเป็นครัวซองต์ พัฟ พาย โดนัท แซนด์วิช และอาหารนานาชนิด 2) ร้านเชลล์ คาเฟ่ ในรูปแบบ Stand-alone ที่เน้นให้บริการเครื่องดื่มและเบเกอรี่ในบรรยากาศร้านที่มีพื้นที่ปลอดโปร่งโล่งสบาย เป็นที่พักเติมพลังของนักเดินทาง และ 3) ร้านเชลล์ คาเฟ่ แบบ Kiosk ให้บริการในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ที่มีขนาดเล็กและพื้นที่จำกัด

เชลล์ คาเฟ่ ถือเป็นส่วนเติมเต็มสำคัญของสถานีบริการน้ำมันเชลล์ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้ลูกค้าได้รับบริการแบบ Seamless Customer Experience จากเชลล์ ไม่ว่าจะเป็นการเติมน้ำมัน การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ศูนย์บริการ Shell Helix Oil Change+ บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ของ Shell Recharge ตลอดจนการให้บริการจากร้านค้าต่างๆ ภายในสถานี เช่น ร้านอาหาร ร้านสะดวกซัก ร้านขายอาหารสัตว์ คลินิก และบริการล้างรถ เป็นต้น เพื่อให้เชลล์เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายระหว่างการเดินทางของคนไทย สอดคล้องกับภารกิจของกลุ่มธุรกิจโมบิลลิตี้ ซึ่งมุ่งมั่นเติมสุขให้ทุกการเดินทาง” นายโอมาร์ กล่าวเสริม

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการร่วมฉลองเชลล์ คาเฟ่ เปิดให้บริการครบ 100 สาขาทั่วประเทศ เชลล์ขอมอบส่วนลดพิเศษสำหรับกาแฟเอสเพรสโซ่เย็น สูตรใหม่เข้มข้นหวานมัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 55 บาท และส่วนลดพิเศษ 20 บาท สำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จุดชาร์จไฟ Shell Recharge ภายในสถานีบริการเชลล์ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 มกราคม 2567 นอกจากนี้ ลูกค้าเชลล์ คาเฟ่ยังสามารถรับสิทธิประโยชน์จากโปรแกรมสะสมแต้ม Shell GO+ เมื่อซื้อเครื่องดื่มครบ 12 แก้ว รับฟรีเครื่องดื่ม 1 แก้ว ได้อีกด้วย

“เชลล์ คาเฟ่ คือจุดแวะพักระหว่างการเดินทางที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เป็นที่เติมพลังให้ทั้งรถและคน เพื่อให้คุณเดินทางต่อไปยังจุดมุ่งหมายได้อย่างสบายและปลอดภัย เรายังคงเดินหน้าขยายสาขาเชลล์ คาเฟ่อย่างต่อเนื่อง พร้อมไปกับการมอบประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายเพิ่มขึ้นให้แก่ลูกค้า จากผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงของเชลล์ เพื่อเติมเต็มความสุขและส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามกลยุทธ์ Powering Progress ของเรา” นายโอมาร์ กล่าวทิ้งท้าย