บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ท้าทาย ด้วยการครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียมของประเทศไทยในไตรมาสแรกของปี 2567 จากความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่หลากหลาย บริการที่เหนือระดับ และประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญนำไปสู่ความสำเร็จด้านการขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมา มียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู (BEV) เพิ่มขึ้นถึง 108% จาก 6 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู iX2 บีเอ็มดับเบิลยู iX3 บีเอ็มดับเบิลยู iX บีเอ็มดับเบิลยู i4 บีเอ็มดับเบิลยู i5 และ บีเอ็มดับเบิลยู i7 รวม 487 คัน นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นถึง 74% ด้วยจำนวนจดทะเบียนอยู่ที่ 548 คัน ผลสำเร็จครั้งนี้สอดคล้องกับการประกาศของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในการสร้างหมุดหมายครั้งสำคัญด้วยยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าสะสมถึง 1 ล้านคันทั่วโลก เพิ่มขึ้นถึง 40.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการผันผวนของตลาดและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค เรายังคงยึดมั่นในการนำเสนอความเป็นเลิศด้านผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมหลากหลาย บริการ และประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม พร้อมมุ่งไปสู่การสร้างสรรค์อนาคตอันยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของเรา และที่สำคัญ ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยนำไปสู่ความสำเร็จของเราในฐานะผู้นำตลาดยานยนต์พรีเมียมได้อย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2567 นี้ การส่งมอบผลิตภัณฑ์ บริการและประสบการณ์ที่มีคุณภาพสูงให้กับลูกค้าของเรา ถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเหนือกว่าการเปลี่ยนแปลงของราคารถยนต์ในตลาด”
“นอกจากนี้ ยอดจดทะเบียนในกลุ่มรถยนต์ระดับผู้บริหารทั้งประเภทซีดานและรถยนต์อเนกประสงค์ของบีเอ็มดับเบิลยู ก็มีอัตราเติบโตขึ้นถึง 8.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบีเอ็มดับเบิลยู iX และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของเราในไตรมาสแรกเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของเราก็ยังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมียอดการเติบโตที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นถึง 108.1% จากรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูหลากหลายรุ่น แม้ว่ายอดจดทะเบียนโดยรวมของตลาดยานยนต์ในไทยจะยังต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเซกเมนต์พรีเมียมที่มียอดจดทะเบียนโดยรวมลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ก็ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งของแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูไว้ได้ด้วยยอดจดทะเบียน 3,561 คัน และมินิ 407 คัน ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครอบคลุมทุกระบบขับเคลื่อนมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทย ผสมผสานการมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ควบคู่กับการพัฒนายานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เรายังคงเป็นผู้นำในตลาดและตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม” มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา กล่าว
ในระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ส่งมอบยานยนต์ให้กับลูกค้าจำนวน 594,671 คัน ในไตรมาสแรกของปี 2567 เติบโตขึ้น 1.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มียอดจำหน่ายรวมที่ 531,039 คัน เพิ่มขึ้นถึง 2.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า ขณะที่มินิ มียอดขายทั่วโลกที่ 62,107 คัน และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็สร้างความสำเร็จด้วยยอดขายเดือนมีนาคมที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้มียอดส่งมอบมอเตอร์ไซค์และสกูตเตอร์ในไตรมาสแรกรวมอยู่ที่ 46,434 คัน
นอกจากนี้ กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูรายงานผลการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยจำนวนรถยนต์ที่ส่งมอบให้กับลูกค้าทั่วโลก 78,691 คัน เพิ่มขึ้น 40.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีบีเอ็มดับเบิลยู i4 บีเอ็มดับเบิลยู iX3 บีเอ็มดับเบิลยู iX1 บีเอ็มดับเบิลยู iX และบีเอ็มดับเบิลยู i7 เป็นรุ่นที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด นอกจากการเติบโตของกลุ่ม BEV ที่สำคัญแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังมียอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 21.6% เมื่อเทียบปีต่อปี สำหรับกลุ่มพรีเมียมไฮเอนด์ในช่วงไตรมาสแรก
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะยังคงมุ่งก้าวไปสู่อนาคตที่แข็งแกร่งและมีความยั่งยืนต่อไปในปี พ.ศ. 2567 ทั้งนี้ ยอดจดทะเบียนอันดับหนึ่งในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมของไทยเป็นปีที่ 4 ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณภาพ นวัตกรรมการออกแบบ และการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งกว่าใครของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย รวมทั้งตอกย้ำเป้าหมายในระยะยาวของบริษัทในการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยการเป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อส่งมอบสุนทรียะแห่งการขับขี่ เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าทั้งในปัจจุบันและในอนาคต