Hyundai Ioniq Electric เรียบง่าย พลังไฟฟ้า รถแห่งอนาคตของฮุนได

  • October 17, 2018

       รถยนต์ฮุนได ไอออนิก นับเป็นรถยนต์รุ่นแรกของโลก ที่มีจำหน่ายในทั้ง 3 รูปแบบระบบขับเคลื่อนใน 1 รุ่น ได้แก่ ไฮบริด, ปลั๊กอิน ไฮบริด และอีวี จุดประสงค์คือ เป็นรถยนต์ที่มีมลพิษที่ต่ำที่สุด หรือปราศจากมลพิษ และนอกจากจะเป็นรถยนต์ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ก็ยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่มีความสวยงาม ทันสมัย อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการขับขี่, การเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย

 

         ฮุนได ไอออนิก ภายนอกได้รับการออกแบบโดยเน้นที่ปัจจัยหลัก 2 อย่าง คือ เทคโนโลยี และประสิทธิภาพ ทำให้มีบุคลิกของความเป็นรถยนต์แห่งอนาคต รูปทรงตัวรถเป็นแบบรถแฮ็ทช์แบ็กทรงสปอร์ต มาพร้อมเส้นสายที่พลิ้วไหว รวมถึงการออกแบบตัวถังส่วนต่างๆเช่น ช่องดักลมที่ล้อคู่หน้า, สปอยเลอร์ด้านหลัง, ดิฟฟิวเซอร์     ชายล่างประตูทั้งสี่บาน แผ่นปิดใต้ท้องรถ รวมถึงล้ออัลลอย ทั้งหมดนี้ ทำให้อากาศสามารถไหลผ่านตัวรถได้อย่างสะดวกและลื่นไหลตามหลักอากาศพลศาสตร์  ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำเพียง 0.24 และยังรวมถึงการลดน้ำหนักตัวรถ ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่างอลูมิเนียมในการผลิตฝากระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้าย ทำให้สามารถลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 12.6 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับเหล็กทั่วไป

 

        รถยนต์รุ่นดังกล่าว เป็นรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ดังนั้น กระจังหน้าจึงถูกออกแบบในลักษณะปิดทึบ เนื่องจากไม่ต้องใช้งานเพื่อการระบายความร้อนเครื่องยนต์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความพลิ้วไหว และสะอาดตา ด้วยสีเทาเข้ม ไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวัน ไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบ LED บริเวณชายกันชนด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้งชายประตูทั้ง 4 บาน ถูกตกแต่งด้วยสีทองแดง ที่สื่อถึงความเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

        ภายในถูกออกแบบโดยเน้นถึงความเป็นรถแห่งอนาคต ด้วยแนวคิด ‘Purified High-Tech’ ที่เน้นถึงความเรียบง่าย ลื่นไหล แต่มีความปราณีต และใช้งานง่าย เน้นการใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมที่น้อยที่สุด มีผิวสัมผัสที่เรียบ ลื่น และให้ความรู้สึกสะอาดบริสุทธิ์ วัสดุภายใน เลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ผ้าหลังคาและพรมที่มีส่วนผสมจากต้นอ้อย เพื่อช่วยให้อากาศภายในห้องโดยสาร มีความบริสุทธิ์, สีพ่นตัวถังที่มีส่วนผสมของน้ำมันถั่วเหลือง เพื่อให้มีประกายของเม็ดสีที่สวยงาม, แผงประตูที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล ผสมกับผงไม้และหินจากภูเขาไฟ แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงและคุณภาพที่ดี นอกจากนี้ บริเวณช่องแอร์, คอนโซลกลาง, พวงมาลัย และเบาะนั่ง ถูกตกแต่งด้วยสีส้มทองแดง ซึ่งเป็นสีที่เปรียบเสมือนกระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในรถยนต์ ได้แรงบันดาลใจจากทองแดงที่อยู่ในคอนดักเตอร์ของระบบไฟฟ้า

         เมื่อผู้ขับขี่ปลดล็อกรถด้วยระบบ Smart Entry ระบบ Welcome Function จะทำงาน ด้วยการสั่งให้ไฟหน้าและไฟท้ายส่องสว่าง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะจอดรถในที่มืดหรือยามค่ำคืน และเมื่อผู้ขับขี่เปิดประตูรถ เบาะที่นั่งคนขับ จะปรับเลื่อนถอยหลังอัตโนมัติ เพื่อให้เข้าสู่ตำแหน่งที่นั่งขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย เบาะที่นั่งคนขับ ปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมที่ดันหลังแบบไฟฟ้า (Lumbar Support) ช่วยลดอาการเมื่อยล้าขณะขับขี่ นอกจากนี้ ยังมีระบบระบายอากาศสำหรับเบาะคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้าอีกด้วย

      ภายในห้องโดยสาร มีความกว้างขวางและสะดวกสบาย โดยเฉพาะที่นั่งของผู้โดยสารตอนหน้า ซึ่งมีความโปร่งและกว้างขวางเป็นพิเศษ เนื่องจากระบบเกียร์ ถูกออกแบบให้เป็นแบบระบบปุ่มกด หรือ shift by wire ซึ่งถูกติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งผู้ขับขี่ สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ตามต้องการเพียงปลายนิ้วสัมผัส นอกจากนี้ยังมีระบบเบรคมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold ที่ช่วยหยุดรถชั่วขณะในสภาพการจราจรติดขัด และระบบ wireless charging ที่สามารถชาร์จแบตเตอรีโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ เพียงวางโทรศัพท์บริเวณช่องชาร์จด้านซ้ายของปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์

        ระบบความบันเทิง สามารถควบคุมได้ผ่านหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 5 นิ้ว ที่สามารถเลือกฟังก์ชันเพื่อความบันเทิงได้ตามต้องการ เช่น ระบบวิทยุ พร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ, ช่องต่อระบบ USB และ AUX  หน้าปัดแสดงการทำงานของระบบต่างๆบริเวณคนขับ เป็นหน้าปัดความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว แบบ TFT ที่แสดงข้อมูลพื้นฐานต่างๆของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ระยะทางที่สามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง, ระดับพลังงานของแบตเตอรี่ รวมถึงข้อมูลอื่นๆของตัวรถที่จำเป็น ซึ่งผู้ขับขี่ สามารถเลือกดูได้ผ่านปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย

        หน้าปัดนี้ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ ตามรูปแบบการขับขี่ โดยผู้ขับขี่ สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ ผ่านปุ่ม ‘drive mode’ บริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Normal และ Sport

ในโหมด Eco หน้าปัดจะแสดงมาตรวัดความเร็วในรูปแบบอนาล็อก เช่นเดียวกับมาตรวัดความเร็วแบบรถยนต์ปกติ และแถบสีเขียวบริเวณตัวเลขความเร็ว พร้อมไฟแสดงสถานะโหมด Eco สีเขียว

       ในโหมด Normal หน้าปัดจะแสดงมาตรวัดความเร็วในรูปแบบอนาล็อก เช่นเดียวกับมาตรวัดความเร็วแบบรถยนต์ปกติ จากแถบสีเขียวในโหมด Eco จะถูกเปลี่ยนเป็นแถบสีเทา และไม่มีไฟแสดงสถานะโหมด Normal

       ในโหมด Sport หน้าปัดจะถูกเปลี่ยนจากมาตรวัดความเร็ว เป็นมาตรวัดแสดงสถานะกำลังการขับเคลื่อนของรถจาก 0 ถึง 100 เปอร์เซนต์ ในรูปแบบอนาล็อกพร้อมแถบสีแดง ตรงกลางจะแสดงความเร็วแบบตัวเลขดิจิตอล ที่จะถูกไล่ลำดับขึ้นไปตามความเร็วของรถยนต์

        ระบบปรับอากาศภายในรถยนต์เป็นแบบ Dual Zone ที่เลือกปรับอุณหภูมิแยกอิสระสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย ควบคู่กับการลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ยังมีระบบปรับอากาศที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกให้ลม ออกจากช่องปรับอากาศเฉพาะผู้ขับขี่อย่างเดียวได้ เพียงกดปุ่ม ‘driver only’ ที่บริเวณแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ เท่านี้ก็จะช่วยลดภาระการทำงานของระบบปรับอากาศ และช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

 

       สำหรับระบบขับเคลื่อนของ ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริกนั้น เป็นการขับเคลื่อนโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า (88kW) แรงบิดสูงสุด 295 นิวตัน-เมตร เชื่อมต่อผ่านระบบเกียร์แบบ single-speed ที่สามารถเลือกตำแหน่งเกียร์ผ่านปุ่มกดบริเวณคอนโซลกลาง และสามารถพารถยนต์ไปที่ความเร็วสูงสุดที่ 165 กิโลเมตร/ชั่วโมง

      แบตเตอรี่ที่ใช้สำหรับเก็บพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนนั้น เป็นแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน โพลิเมอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพการชาร์จไฟที่ดี และมีหน่วยความจำรอบการชาร์จไฟที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แบบนิกเกิล เมทัล ไฮดราย สำหรับในฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริกนั้น เป็นแบตเตอรี่ขนาด 28 kWh ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดที่ 280 กิโลเมตร ใช้เวลาในการชาร์จไฟแบบปกติอยู่ที่ 4 ชั่วโมง 25 นาที โดยประมาณ และการชาร์จไฟแบบ quick charge ที่กำลังการชาร์จไฟขนาด 50 kW จะใช้เวลา 30 นาที และ 23 นาทีโดยประมาณ ด้วยกำลังการชาร์จไฟขนาด 100 kW โดยแบตเตอรี่นี้ ถูกติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งของผู้โดยสารตอนหลัง แต่ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่ที่สามารถบรรจุสัมภาระได้สูงสุดถึง 650 ลิตร

      รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ไอออนิค มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดกับระบบ Regenerative Braking System ที่สามารถควบคุมได้ด้วยปุ่ม Paddle Shift บริเวณด้านหลังพวงมาลัย มีทั้งหมด 4 ระดับ โดยแต่ละระดับ จะเป็นระดับการนำพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่จากมากไปน้อย เพียงผู้ขับขี่กดปุ่ม Paddle Shift รถยนต์จะลดความเร็วโดยอัตโนมัติ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อให้ระบบ Regenerative Braking System ทำงาน และนำกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เพื่อช่วยให้มีระยะทางการวิ่งที่ยาวขึ้น

       ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท ผลิตจากอลูมิเนียม ช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ถูกปรับแต่งเพื่อให้มีการขับขี่ที่นุ่มนวล มั่นใจ และสะดวกสบาย

      ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ปลอดภัยในทุกการเดินทาง ด้วยระบบ Blind Spot Detection ที่จะทำหน้าที่ตรวจจับรถในจุดอับสายตาขณะขับขี่ โดยทำงานควบคู่กันกับระบบ Lane Change Assist ที่จะช่วยตรวจจับรถในเลนด้านข้างในขณะที่ผู้ขับขี่กำลังจะเปลี่ยนเลน และยังทำงานร่วมกับระบบ Rear Cross Traffic Alert ในขณะที่ผู้ขับขี่กำลังจะถอยรถออกจากที่จอดรถ ระบบจะตรวจจับความเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือคนเดินเท้า หากมีวัตถุเคลื่อนไหวบริเวณด้านหลังรถ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ เพื่อความปลอดภัยขณะถอยรถ

      นอกจากนี้ ยังมีระบบ Lane Departure Warning (LDW) โดยระบบ จะใช้กล้องที่อยู่บริเวณด้านบนตรงกลางของกระจกบังลมหน้า ในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องการจราจร หากรถกำลังเคลื่อนออกจากช่องจราจร ระบบจะส่งเสียงเพื่อเตือนผู้ขับขี่ ให้นำรถกลับเข้าสู่ช่องจราจรเดิม ระบบ Lane Keeping Assist (LKA) ที่ใช้กล้องตัวเดียวกัน ในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องการจราจร เมื่อรถกำลังเคลื่อนออกจากช่องจราจร ระบบจะสั่งการให้หักพวงมาลัยกลับมาในช่องจราจร และระบบ Smart Cruise Control (SCC) หรือระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ โดยระบบจะทำงานโดยใช้เรดาร์ที่อยู่บริเวณโลโก้บนกระจังหน้า ในการรักษาระดับความเร็วแบบแปรผัน ตามความเร็วของรถที่อยู่ด้านหน้า และผู้ขับขี่ ยังเลือกระดับการรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้าได้อีกด้วย เพิ่มความสะดวกสบายและปลอดภัยขณะขับขี่

         ระบบ Forward Collision Warning (FCW) ที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ หากผู้ขับขี่ ขับรถเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป และถ้าระบบตรวจพบว่าผู้ขับขี่ ไม่เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ ระบบจะส่งเสียงเพื่อเตือนผู้ขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่หยุดรถก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ และระบบ Autonomous Emergency Braking System (AEB) ที่จะช่วยเบรกรถอัตโนมัติ ในกรณีที่ผู้ขับขี่ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองในขณะที่รถกำลังเข้าใกล้รถคันข้างหน้า หรือในกรณีที่คนเดินถนนเดินตัดผ่านหน้ารถในระยะกระชั้นชิด กล้องบริเวณด้านบนกระจกบังลมหน้า และเรดาร์บริเวณกระจังหน้า จะทำหน้าที่ตรวจจับวัตถุและคนเดินถนน และจะสั่งการให้รถหยุดโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ  

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

         ถือเป็นรถยนต์ ที่มาแรงในตลาดรถยนต์ทั่วโลก เพราะ Hyundai แบรนด์ค่ายรถยนต์แดนกิมจิ จากเกาหลี ค่ายนี้หมายมั่นปั้นมือให้ ฮุนได ไอออนิค คันนี้ เป็น Product ที่จะทำให้พวกเขาสามารถสู้กับยักษ์ใหญ่ค่ายญี่ปุ่น ในตลาดรถยนต์ในแบบรักษ์โลก ในแบบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนหรือ EV ที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน เรียกว่า ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนและมีมอเตอร์ไฟฟ้าอีกชุดสำหรับระบบแอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ต่างๆ

       ภายใต้เรือนร่างแบบ Hatchback Sport  ที่ดูทันสมัย ฮุนได ไอออนิค EV เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีจุดประสงค์คือการสร้างมลพิษในระดับต่ำ และมี 3 รูปแบบระบบขับเคลื่อนใน 1 รุ่นรถยนต์ ทั้งในแบบ Hybrid/ Plug in Hybrid และ EV หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%

       กระจังหน้าในไสตล์แบบทึบไม่มีช่องรับลม เพราะไม่มีหม้อน้ำให้ต้องระบบความร้อน และการออกแบบที่ดูเรียบง่ายแต่พลิ้วไหว ตัวถังลู่ลมช่วยทำให้อากาศไหลผ่านตัวรถได้อย่างสะดวก รวมถึงไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED 2 โคม และไฟสูงฮาโลเจน กันชนหน้าเป็นชิ้นเดียวกันพร้อมช่องไฟตัดหมอกที่มีช่องระบายอากาศเพื่อไหลเข้าสู่ระบบเบรก ท้ายลาดเอียง ประตูท้ายเป็นชิ้นเดียวกับกระจกบานหลัง ส่วนภายในหรูหราไฮเทคครับ ด้วยภายในโทนสีดำเน้นการใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย อย่างเช่นผ้าหลังคาและพรมที่มีส่วนผสมจากต้นอ้อย แผงประตูที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล

         กราฟิกหน้าปัดแบบจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว แสดงผลทั้งระบบการใช้พลังงานเมื่อขับขี่ ระดับคงไฟฟ้าเหลือในแบตเตอรี่ มาตรวัดความเร็ว และแสดงสถานะการทำงานต่างๆ ของรถพร้อมกับเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอตามโหลดการขับขี่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นควบคุมเครื่องเสียง แสดงผลหน้าจอครูสคอนโทรล และระบบเกียร์ ที่เป็นแบบระบบปุ่มกด หรือ Ship by Wire ที่เปลี่ยนเกียร์ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส และระบบเบรกมือไฟฟ้า และระบบ Wireless Charging ดูทันสมัย และสะดวกต่อการใช้งาน

       ในเรื่องของการขับขี่จากจุดนัดหมายร้านอาหารชวนคิดเช่น ในเมืองทองธานี ขึ้นทางด่วนลงเชียงรากและวนกลับมาจุดเดิมระยะทางราว 20 กว่ากิโลเมตรนั้น ต้องบอกว่าเป็นรถที่ให้การตอบสนองที่ดีทั้งในเรื่องของอัตราเร่ง แรงม้าและแรงบิด ที่มีตั้งแต่ในรอบรอบต่ำการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมืองไม่ได้มีความรู้สึกว่าแตกต่างอะไรจากรถยนต์ในแบบเครื่องยนต์ธรรมดา อัตราเร่งที่เทียบเท่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 หรือ 1.6 ลิตร นอกจากนี้ ยังเลือกปรับโหมดการขับได้หลายโหมด ทั้งโหมดธรรมดา ประหยัดและสปอร์ต เป็นรถที่สามารถพาคุณเดินทางได้อย่างนิ่มนวลไม่เหน็ดเหนื่อย

       ความเร็วสูงสุดที่ 165 กิโลเมตร/ชั่วโมง คงไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะ รถคันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสุด 280 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง  แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ เรื่องของการชาร์จไฟ เพราะฮุนได ไอออนิก ถือเป็นรุ่นแรกของประเทศไทยที่มาของระบบชาร์จไฟแบบด่วน ซึ่งทำให้ระบบชาร์จไฟของรถคันนี้รองรับการชาร์จไฟได้ 3 รูปแบบ ตั้งแต่การเสียบไฟบ้านธรรมดาการเสียบผ่านตู้ชาร์จไฟและการเสียบผ่านตู้ชาร์จไฟแบบชาร์จเร็ว ที่ใช้เวลาเพียง 23 นาที ในการชาร์จไฟมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเพียงพอต่อการวิ่งระยะทางเกือบ 200 กิโลเมตร

        ต้องขอปรบมือให้ ฮุนไดแบรนด์รถยนต์สัญชาติเกาหลี ที่กล้าที่จะลุยในการทำตลาดกับรถไฟฟ้า อย่าง ฮุนได ไอออนิค ในราคา 1,749,000 บาท แม้นับเป็นรถที่มีราคาสูงเอาเรื่องอยู่ แต่เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีรักษ์โลก ลดมลพิษ การเป็นรถนำเข้าทั้งคัน รวมถึงค่าบำรุงรักษาที่สบายกระเป๋ากว่า เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ เพราะลดการต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลวต่างๆ ลงไป ก็ทำให้รถคันนี้น่าสนใจไม่ใช่น้อย….

 

ราคาจำหน่าย ฮุนได ไอออนิค อิเล็กทริก ที่ 1,749,000 บาท