ฮอนด้า พาสื่อมวลชนร่วมทดสอบ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ อีกระดับแห่งความสปอร์ต บนเส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่เขาใหญ่

  • February 07, 2019

     บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมทดสอบสมรรถนะการขับขี่ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ยนตกรรมสปอร์ตพรีเมี่ยมซีดานที่พร้อมพาคุณก้าวข้ามขีดสุดทุกความท้าทาย สู่ความมั่นใจอีกระดับ มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) มาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัยเพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง บนเส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ไป-กลับ รวมระยะทางกว่า 370 กิโลเมตร

  

       ในช่วงเช้า คณะสื่อมวลชนพบกัน ณ ศูนย์ฝึกอบรม บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด (นิคมอุตสาหกรรมบางชัน) เพื่อรับฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์ และสัมผัสกับ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่  มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต พรีเมี่ยมที่ท้าทายทุกสายตา ด้วยเส้นสายโฉบเฉี่ยวรอบคัน สะท้อนเอกลักษณ์แห่งความสง่างามที่ลงตัวในทุกการขับขี่ ดีไซน์ดุดันยิ่งขึ้นด้วยกันชนหน้าและกระจังหน้าในสไตล์สปอร์ตใหม่แบบ RS เชื่อมต่อกับไฟหน้าดีไซน์สปอร์ตพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED Daytime Running Light (DRL) ทั้งยังโดดเด่นด้วยไฟท้าย LED รูปทรงตัว C (C-Identity) เอกลักษณ์แบบซีวิค ไฟตัดหมอกแบบ LED ตกแต่งด้วยคิ้วโครเมี่ยม กันชนหลังตกแต่งด้วยโครเมี่ยมใหม่ และเสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin) เพิ่มความโฉบเฉี่ยวและให้ความรู้สึกหรูหรา พร้อมล้ออัลลอย 17 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตใหม่ ดึงดูดทุกสายตา และสีใหม่ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (Brilliant Sporty Blue)

 

     การทดสอบขับฮอนด้า ซีวิค ใหม่ บนเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีถนนหลายรูปแบบทั้งทางโค้ง และทางตรงสลับกันตลอดเส้นทาง ซึ่งสื่อมวลชนจะได้ทดสอบสมรรถนะของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ กันอย่างเต็มที่ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 5,500 รอบต่อนาที และรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้การขับขี่ที่เร้าใจและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85

 

       มั่นใจในทุกการเดินทางด้วย เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง” (Honda Sensing) ใน ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้แก่

  • ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

 

       ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย เบาะที่นั่งตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ผสานความสปอร์ตในทุกรายละเอียด มาพร้อมความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นที่เหนือระดับ อาทิ ระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ  Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เป็นต้น และครบครันด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) เป็นต้น

     ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น TURBO RS ราคา 1,219,000 บาท รุ่น TURBO ราคา 1,104,000 บาท รุ่น 1.8 EL ราคา 964,000 บาท และรุ่น 1.8 E ราคา 874,000 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด   5 สี ได้แก่ สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) และ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) และสีขาวแพลทินัม (มุก)

     สำหรับลูกค้าที่สนใจ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ สามารถทดลองขับเพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศหรือ www.honda.co.th/civic

      ทั้งนี้ คณะสื่อมวลชนยังได้ร่วมกิจกรรมเพนท์บอล เพื่อก้าวข้ามขีดสุดความท้าทายสไตล์สปอร์ตกันอย่างสนุกสนาน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ อีกด้วย

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

       แม้จะเป็นโฉมเวอร์ชั่น Minor Change แต่ก็ถือว่าทาง Honda เติมเต็มในเรื่องความปลอดภัยเพิ่มเติมมาให้อย่างครบถ้วนอย่างที่ในรถเซ็กเมนต์นี้ไม่เคยมี

       ในตัวถังรูปทรงแบบรถเก๋งซีดาน 4 ประตู ทาง Honda เองยังจัดมาทั้งหมด 4 รุ่นย่อยเหมือนเช่นเดิม แต่ก็มีการปรับเพิ่มเติมในเรื่องของรูปลักษณ์ ทั้งด้านนอกและด้านในตัวรถให้ดูโฉบเฉี่ยวเพิ่มเติมขึ้นหลายจุด  ทั้งในรุ่น เครื่องยนต์เบนซิน 1.8  141 แรงม้า และโดยเฉพาะตัวท็อปในรุ่น Turbo RS เครื่องยนต์ 1.5 173 แรงม้า ที่มีการติดตั้งระบบความปลอดภัย Honda Sensing ทั้งระบบเตือนการชนของรถและคนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก ระบบช่วยเตือนรถให้อยู่ในช่องทาง และระบบช่วยคุมเมื่อรถออกนอกเส้นทาง  ทำให้มีราคาค่าตัวบวกเพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 20,000 บาท ซึ่งก็ไม่ถือว่ามากมายอะไร

      ในโหมดของการขับจริงบนเส้นทางจากกรุงเทพฯ ไป-กลับ เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ความกว้างขวาง สะดวกสบายในห้องโดยสาร ทั้งในตำแหน่งผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้าและด้านหลัง ความสูงระดับมาตรฐานชายได้174 เซนติเมตรอย่างผม นั่งได้นุ่มสบายในทุกตำแหน่งครับ

        ส่วนในเรื่องพละกำลังเครื่องยนต์ สำหรับคนที่ชอบความสปอร์ต ความกระฉับกระเฉงและความสนุกสนานในการขับ ในตัว Honda Civic โฉมตัวท็อปสีน้ำเงิน แบบใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์ 1.5 Turbo RS คงจะตอบโจทย์ในเรื่อง ความแรงจี๊ดจ๊าดในการขับได้เป็นอย่างดี แต่ในส่วนของเครื่องยนต์ 1.8 แม้ในเรื่องของความต้นจัด ปลายแรง อาจจะมีไม่เท่าตัว 1.5 Turbo แต่ก็ถือว่าเครื่องยนต์มีกำลังดี ในการใช้งาน ทั้งในการเรียกความเร็วตามรอบเครื่องหรือการเร่งแซง การตอบสนองของเกียร์ CVT ก็นุ่มนวลต่อเนื่องดี

      โดยรวมยังจัดเป็นรถเก๋งคันย่อมดีไซน์น่าใช้ ในสไตล์และคอนเซปต์เน้นความสปอร์ต

 

หมายเหตุ:              

- อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

- สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท