Mitsubishi Triton 2.4 GT Premium 6AT เครื่องเดิมจับคู่เกียร์ใหม่ หล่อ แรง ลุยได้ในแบบออฟโรด

  • March 12, 2019

      บนเส้นทางจากโรงแรมนอร์ธฮิลล์ นอกตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่เส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 108 ซึ่งเป็นถนนหลัก ผ่านการจราจรเบาบาง บนถนนค่อนข้างเปิดโล่งสามารถทำความเร็วได้ และมีโค้งยาวให้ได้ลองสมรรถนะของ Mitsubishi Triton 2019 ใหม่ ในเวอร์ชั่นที่ถือเป็นการปรับระดับบิ๊กไมเนอร์เชนจ์เลยก็ว่าได้

 

      ด้วยดีไซน์ที่ใหม่หมดจดทั้งหน้าและหลัง เหลือแต่เพียงส่วนตัวถังที่ยังคงของเดิมเอาไว้  ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง ดุดัน และโฉบเฉี่ยวเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างมาก และสำหรับในประเทศไทยมีให้เลือกทั้งหมด 19 รุ่นย่อย พร้อมตัวถัง 3 แบบเช่นเคย ประกอบด้วย Single Cab, Mega Cab และ Double Cab โดยที่รุ่น Plus และ 4WD เท่านั้น ถึงจะได้ดีไซน์แบบใหม่ ขณะที่รุ่นปกติยังได้หน้าเดิมอยู่

 

หน้าหล่อหรูแบบ SUV มีส่วนผสมระหว่าง Pajero Sport กับ Xpander

      ในรุ่นท็อปสุดเรียกว่า GT-Premium A/T 4WD บนตัวถังแบบดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู ด้วยใบหน้าใหม่ที่มีการพูดถึงเป็นอย่างมาก เรียกว่ากระแสดีตั้งแต่ก่อนเห็นหน้ากันเลย มิตซูบิชิฉีกความเป็นกระบะออกไปอย่างชัดเจนด้วยหน้าตาที่เปลี่ยนไป ถ้าเรานำรถกระบะมาจอดเรียงกันทุกยี่ห้อ ไทรทัน จะโดดเด่นกว่าเพื่อน ด้วยการออกแบบใหม่เป็นแนวทาง Dynamic Shield ตามแนวทางของมิตซูบิชิ ไฟหน้าติดตั้งแบบโปรเจกเตอร์ Bi-LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ช่วยเพิ่มความโดดเด่นในเวลากลางวัน ขณะที่ไฟเลี้ยวและไฟตัดหมอกถูกติดตั้งไว้บริเวณกันชน โดยที่ไฟหน้าจะมีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติตามสภาพแสง และปุ่มปรับระดับสูง-ต่ำไว้ภายในห้องโดยสาร

 

      ส่วนดีไซน์ด้านข้างยังคงเดิม แต่มีการออกแบบซุ้มล้อใหม่โดยออกแบบให้ตัวถังยื่นออกมาคลุมล้อแทน ทำให้มีดีไซน์ดูสวยลงตัวและทันสมัยยิ่งขึ้น ติดตั้งล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่แบบ 6 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/60 R18 ขณะที่ด้านท้ายมีการเปลี่ยนดีไซน์ไฟท้ายใหม่เป็นแบบ LED ทั้งไฟหรี่และไฟเบรก โดยรวมหน้าตาไทรทันใหม่จึงออกมาระหว่าง Pajero Sport กับ Xpander ทำให้ดูเป็น SUV ขนาดหรูกันเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าดูแปลกตาทันสมัยเหนือกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด

 

ห้องโดยสารปรับเน้นความพรีเมียมแบบเก๋ง

     การปรับเปลี่ยนโช้กอัพเป็นขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม ทำให้รถปิกอัพคันนี้ นั่งสบายขึ้น และภายในห้องโดยสารก็เก็บเสียงได้ดีด้วยอุปกรณ์มาตรฐานของ Triton ไมเนอร์เชนจ์โฉมนี้มีการปรับด้วยการตกแต่งวัสดุหนังบริเวณที่ร่างกายต้องสัมผัสบ่อยๆ เช่น บริเวณเกียร์, แผงประตู และที่วางแขนระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า ทำให้มีกลิ่นอายความเป็นรถเก๋งเพิ่มขึ้น ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำตัดกับสีเงิน ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มวัสดุหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์ พร้อมระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางฝั่งผู้ขับ ฝั่งผู้โดยสารเป็นแบบปรับมือ แผงคอนโซลถูกยกมาจากรุ่นเดิม มาพร้อมเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 2DIN รองรับ DVD/CD/MP3 มีช่องเสียบ USB มาให้ 3 ตำแหน่ง และมีระบบนำทางให้ในตัว

       ระบบปรับอากาศอัตโนมัติสามารถปรับแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาได้ นอกจากนั้น ยังเพิ่มช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังไว้เหนือเพดาน ซึ่งจะเป็นการดึงเอาอากาศเย็นด้านหน้ามากระจายด้านหลังอีกที  ส่วนในตำแหน่งบริเวณผู้โดยสารตอนหลังยังออกแบบให้มีช่องวางของอเนกประสงค์พร้อมกับพอร์ต USB สำหรับชาร์จไฟโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ สามารถหยิบใช้งานได้อย่างสะดวก

 

เครื่องยนต์ตัวเดิม 2,442 CC เทอร์โบ จับคู่เกียร์ใหม่ 6 สปีด

      จากแยกตัดขึ้นสู่ดอยอินทนนท์วิ่งขึ้นเส้นทางหมายเลข 1009 เป็นการทดสอบแรงบิดและระบบการทรงตัวที่ต้องเจอกับเส้นทางลาดชันขึ้น-ลง โค้งซ้าย-ขวา ก่อนถึงโครงการหลวงดอยอินทนนท์ ได้ลองสมรรถนะเครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4N15 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 2.4 ลิตร 2,442 CC เทอร์โบแปรผัน VG-Turbo – Intercooler พร้อมระบบแปรผันวาล์ว MIVEC กระบอกสูบ x ช่วงชัก 86.0 x 105.1 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5 : 1 กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ของ Mitsubishi Triton ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีการปรับปรุงในด้านสเปกเครื่องยนต์ แต่เครื่องยนต์บล็อกนี้ก็ให้กำลังเหลือเฟือเพียงพออยู่แล้ว การตอบสนองการเร่งแซงและทำความเร็วได้อย่างน่าประทับใจ แม้เป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีน้ำหนักตัวมากก็ตาม ส่วนระบบส่งกำลังจากเดิมเกียร์แบบ 5 สปีด มาเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่ยกชุดเกียร์ของ Pajero Sport มาใช้ ซึ่งช่วยให้จังหวะการเปลี่ยนเกียร์สมูธยิ่งขึ้น และใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำลงขณะขับขี่ทางไกล

 

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II เพิ่ม Off-Road Mode 

      ในเส้นทางแบบออฟโรดที่ซ้ายเหวขวาผา พื้นผิวเป็นดินแห้ง และกรวดลอย ระยะทางรวมประมาณ 55 กม. ลองปรับโหมดการขับของ Super Select 4WD เป็น 4H ซึ่งก็นับว่าเพียงพอแล้ว การขับบนเส้นทางออฟโรดทำความเร็วไม่ได้มาก เพราะหลายช่วงทางแคบและต้องเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้า เพราะฝุ่นจากรถคันหน้าที่ฟุ้งจนมองไม่เห็นทาง Mitsubishi Triton 2.4 GT Premium 6AT สามารถพาตัวรถพร้อมผู้โดยสาร 2 คน แล่นฉิวไต่ขึ้นทางชันสบายๆ

     จุดเปลี่ยนสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II ที่ยกมาจากโฉมเดิมแล้ว ยังเพิ่มด้วยปุ่ม Off-Road Mode ที่ประกอบด้วย 4 โหมด ได้แก่ Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock ซึ่งจะมีการปรับการทำงานของระบบควบคุมเสถียรภาพและระบบป้องกันล้อหมุนฟรี เพื่อให้เหมาะสำหรับสภาพถนนแต่ละแบบ ขณะที่ระบบล็อกเฟืองท้าย Rear Differential Lock มีปุ่มแยกต่างหากออกมาให้เช่นเคย

      ด้านระบบความปลอดภัยของ Mitsubishi Triton 2019 ไมเนอร์เชนจ์ มีการเพิ่มระบบความปลอดภัยขั้นสูงเข้ามา ทั้งระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมช่วยชะลอความเร็ว ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงขณะที่มีสิ่งกีดขวาง ระบบเตือนจุดอับสายตาและเตือนขณะเปลี่ยนเลน ระบบเตือนรถเคลื่อนผ่านขณะถอยหลัง และไฟสูงอัตโนมัติ

      นอกจากนี้ ยังมีระบบกล้องมองภาพรอบคัน Multi Around Monitor ที่สามารถแสดงภาพแบบ Bird’ Eye View ได้ ช่วยให้จอดรถในที่แคบได้อย่างสะดวกขึ้น, ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง, ระบบควบคุมการทรงตัว ASC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ATC, ระบบเบรก ABS/EBD และ Brake Assist, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน HDC และเซ็นเซอร์กะระยะหน้า-หลัง ที่สำคัญใน Mitsubishi Triton 2019 โฉมนี้ยังมีการอัพเกรดระบบเบรกขึ้นจากเดิมด้วย

 

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

 

      นอกจากจะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยโดดเด่นขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว Mitsubishi Triton 2019 ใหม่ เวอร์ชั่นนี้ยังมาพร้อมออพชั่นล้ำๆ ที่เหนือกว่าคู่แข่งหลายเจ้า แม้ (หน้า) รถจะดูหล่อหรู แต่ในโหมดออฟโรด Mitsubishi Triton 2019 รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อคันนี้ก็ลุยได้จริงจังไม่น้อยหน้าใคร

       ส่วนบนทางแบบ On Road ในเรื่องของการตอบสนองของเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ยังมีอัตราเร่งที่ดีเช่นเดิม ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำงานได้ราบรื่นไม่ต่างจากเดิม ขับขี่ได้อย่างสนุกสนานตอบโจทย์การขับขี่ได้ทุกสถานการณ์ทั้งในเมืองหรือนอกเมือง แต่จุดสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน คือ ช่วงล่างที่เซ็ตมาเน้นความเกาะถนน จนเรารู้สึกมั่นใจมาก พอยัดโค้งหนักๆ แกล้งให้รถโยนตัวก็ยังไม่มีหลุด ต่อเนื่องด้วยการออกโค้งก็กดคันเร่งต่อได้เลย ทำล้อฟรีตั้งแต่ออกโค้งด้วยแรงบิดที่มีค่อนข้างดี แต่ก็ยังให้ความนุ่มนวล สามารถซับแรงสะเทือนได้ดีขึ้น

     ที่น่าสนใจ Mitsubishi Triton 2019 ใหม่ เวอร์ชั่นนี้ มีระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน HDC ที่แม้จะลองปล่อยเบรกจนหมด แต่ระบบทำการเบรกรถต้านแรงโน้มถ่วงโลกให้ค่อยๆไหลลงทางชันมาถึงพื้นอย่างนิ่มนวลโดยอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบเบรก สามารถโฟกัสกับการบังคับทิศทางพวงมาลัยได้อย่างเต็มที่

      สำหรับผมชื่นชม Mitsubishi ที่กล้าที่จะแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดกระบะ ด้วยการปรับหน้าตาของ Triton ที่ฉีกความเป็นกระบะ พร้อมทั้งจัดเต็มกับอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสู้คู่แข่งในตลาดทำให้เป็นตัวเลือกที่หน้าสนใจ ส่วนการบ้าน ในการปรับ และปรุงก็ทำมาได้ถูกทางครับ สิ่งที่เพิ่มขึ้นมามากมายหลายรายการในเวอร์ชั่น Triton 2019  นี้ ทั้งกล้องมองภาพรอบคัน เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ช่วงล่างและระบบเบรก ปรับปรุงใหม่ ระบบช่วยเหลือผู้ขับต่างๆ และ Off-Road Mode เมื่อเทียบกับราคาจำหน่ายรุ่นท็อป 1.1 ล้านบาทมีทอน เชื่อว่ากระบะโฉมใหม่นี้น่าจะเรียกกระแสตอบรับจากลูกค้าได้ไม่น้อยทีเดียวครับ