SAY “HELLO" TO THE EXTRAORDINARY BMW 3 SERIES เจเนอเรชั่นที่ 7 ดีไซน์ สมรรถนะและเทคโนโลยีที่ลงตัวขึ้น

  • May 16, 2019

        เป็นอีกครั้งที่ บีเอ็มดับเบิลยู  ประเทศไทย พาสื่อมวลชนเปิดประสบการณ์การขับขี่ BMW 320d Sport, BMW 330i M Sport และ BMW X5 xDrive30d M Sport ให้ได้สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ทั้งบนเส้นออนโรดและออฟโรด พร้อมพาโลดแล่นบนท้องถนนจริง และทดสอบเทคโนโลยีการขับขี่แห่งอนาคตกันอย่างเต็มเปี่ยม ในกิจกรรมทดสอบรถยนต์สุดพิเศษ ณ สนามปทุมธานีสปีดเวย์

 

       แน่นอนว่าความโดดเด่นของ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ นอกจากดีไซน์สปอร์ตโฉมใหม่สะดุดตาและเทคโนโลยีการขับขี่ที่ล้ำสมัยแล้ว BMW 320d Sport ยังเหนือกว่าในด้านการประหยัดเชื้อเพลิง ด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยที่ 21.7 กิโลเมตร/ลิตร BMW 320d Sport นอกจากจะถือเป็นหนึ่งในรถที่มีความประหยัดน้ำมันที่สุดในเซ็กเมนต์แล้ว ยังผ่านการรับรองมาตรฐานยูโร 5 ซึ่งเป็นมาตรฐานมลพิษของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอีกด้วย

       หลังจากได้เปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อปี พ.ศ. 2518 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 เจเนอเรชั่นแรก ได้สร้างปรากฏการณ์ในวงการยนตกรรมด้วยสมรรถนะความปราดเปรียวที่เหนือระดับ และรูปลักษณ์สปอร์ตสะดุดตา ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ได้พิสูจน์ถึงความเป็นที่สุดแห่งยนตกรรม หรือ “Ultimate Driving Machine” ด้วยเอกลักษณ์ดีไซน์ที่ทันสมัย สมรรถนะและประสิทธิภาพการขับขี่ อันเป็นหัวใจสำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู

 

รูปลักษณ์ดุดัน เทคโนโลยีแชสซีใหม่ เบาลงกว่ารุ่นก่อนหน้า 55 กิโลกรัม 

       ในดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวสะดุดตา บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ ตอกย้ำความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ด้วยเส้นสายที่แข็งแกร่งและคมชัด ด้านหน้าของตัวรถมาในรูปลักษณ์ที่ดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้นในกรอบที่เชื่อมกับไฟหน้าคู่ LED ทรงเรียวยาวดีไซน์ใหม่ล่าสุด รับกับช่องดักอากาศรูปทรง T กรอบหน้าต่างดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar มอบมิติไร้ขอบหรูหรา พร้อมด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวยิ่งขึ้นในรูปทรง L แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และท่อไอเสียแบบคู่ให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม

 

        โครงสร้างและเทคโนโลยีแชสซีใหม่ล่าสุด จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 นอกจากนี้ ตัวรถยังมีน้ำหนักที่ เบาลงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 55 กิโลกรัม จากการใช้วัสดุอลูมิเนียมในชิ้นส่วนและโครงสร้างต่างๆ เช่น กระโปรงและกันชนหน้า และระบบ Active Air Flap แผ่นปิดด้านในกระจังหน้าไตคู่เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด และการจัดระเบียบทิศทางการไหลของอากาศผ่าน Air Curtains ที่ช่วยลดแรงเสียดทานอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

        ความสวยงามใน 320d Sport ใหม่ กับชุดล้ออัลลอย 18 นิ้วลาย V Spoke และชุดแต่ง BMW Individual High-gloss Shadow Line ด้วยขอบหน้าต่าง ขอบช่องดักอากาศและซี่บริเวณกระจังหน้าไตคู่สีดำเงาเช่นเดียวกับภายใน พร้อมพวงมาลัยและที่นั่งด้านหน้าแบบสปอร์ต ส่วน BMW 330i M Sport โดดเด่นด้วยชุดแต่ง M Sport ที่ช่วยเสริมทั้งรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ทั้งล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้ว ลาย Double Spoke และพวงมาลัย M ภายในตกแต่งด้วยวัสดุอลูมิเนียม

 

       ส่วนห้องโดยสารได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นหัวใจสำคัญ พร้อมแผงหน้าปัดและจอ Control Display ในดีไซน์ใหม่ สะดวกสบายด้วยพื้นที่ด้านหน้าและด้านหลังที่กว้างขวางยิ่งขึ้น รวมถึงพื้นที่จุสัมภาระถึง 480 ลิตร เบาะนั่งสามารถพับได้แบบ 40:20:40 บรรยากาศหรูหราด้วยไฟ Ambient Light และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 ตอน

 

2 ทางเลือกในแบบเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 190 แรงม้า และเทอร์โบเบนซิน 258 แรงม้า

       เทคโนโลยีขับเคลื่อนล่าสุด มอบพละกำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750–2,500 รอบ/นาที จากเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบของ BMW 320d Sport สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง

      ส่วนในโมเดล 330i M Sport มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ส่งกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้าที่ 5,000–6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,550–4,400 รอบ/นาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 5.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยทั้งสองรุ่นรองรับระบบ Driving Experience Control ที่มีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกทั้งในโหมด COMFORT, SPORT และ ECO PRO

 

โดดเด่นด้วยระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด (Parking Assistant)

      ความน่าสนใจและนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสู่อนาคตแห่งรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของบีเอ็มดับเบิลยู คือ ฟังก์ชั่น Reversing Assistant ใน BMW 330i M Sport ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ขับขี่ขณะถอยจอด หรือถอยออกจากที่แคบอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งอื่นๆ ในเซ็กเมนต์

     โดยฟังก์ชั่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถถอยออกจากบริเวณที่มีพื้นที่แคบ เช่น อาคารจอดรถ ทางเลี้ยวเข้า หรือทางตัน ได้อย่างง่ายดาย แม้จะมีมุมมองที่จำกัด ซึ่งฟังก์ชั่นดังกล่าวจะจดจำองศาการเลี้ยวของพวงมาลัยขณะขับเข้าไปยังพื้นที่แคบได้เป็นระยะทางไกลสูงสุด 50 เมตร ขณะขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตร/ชั่วโมง

     สามารถเริ่มใช้งานโดยกดปุ่ม Reversing Assistant ขณะจอดนิ่งที่เกียร์ P หลังจากนั้นรถยนต์จะถอยหลังอัตโนมัติตามเส้นทางที่ขับเข้าไปล่าสุด ผู้ขับขี่จะมีหน้าที่เพียงแค่แตะเบรกหรือคันเร่ง โดยความเร็วในการถอยอัตโนมัติจะอยู่ที่ความเร็วสูงสุด 9 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งระบบจะสามารถจดจำองศาการเลี้ยวภายในระยะ 50 เมตรสุดท้ายไว้ได้เป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถแม้กระทั่งถอยออกจากที่จอดรถได้ แม้จะจอดทิ้งไว้ข้ามคืน หรือเป็นระยะเวลาหลายวัน

 

BMW X5 ใหม่ในเจเนอเรชั่นที่ 4

        ส่วนรถยนต์ในตระกูล Sports Activity Vehicle ที่น่าสนใจในกิจกรรมครั้งนี้อย่าง BMW X5 หนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตระกูล X ก็ยังคงรูปลักษณ์อันเฉพาะตัวและปราดเปรียวยิ่งขึ้น ด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics ในเจเนอเรชั่นที่ 4

       เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Steptronic ทำงานคู่กับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ขับเคลื่อน BMW X5 ใหม่ด้วยกำลังสูงสุด 195 กิโลวัตต์ / 265 แรงม้า ที่4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-2,500 รอบ/นาที ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 6.5 วินาที และยังคล่องตัวด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ BMW xDrive เจเนอเรชั่นล่าสุด

 

       ภายในห้องโดยสารดูดีด้วยหลังคากระจกแบบ Panorama ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเก่า 30% รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย เบาะหลังพับได้แบบ 40 : 20 : 40 รองรับปริมาตรการบรรจุของตั้งแต่ 650 ลิตรถึง 1,870 ลิตร พร้อมประตูท้ายที่สามารถแยกเปิดสองส่วนเพื่อให้สะดวกต่อการขนย้ายสัมภาระ ซึ่งสามารถเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า

      และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัย เช่น ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบ Reversing Assistant ช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ และกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera รวมทั้งวิวด้านบน วิวพาโนรามิค และรีโมท 3D วิวที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อเพื่อดูภาพของรถที่จอดทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ผ่านระบบ BMW ConnectedDrive

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

       เป็นอีกหนึ่งวันเต็มๆ สำหรับการทดสอบบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ที่เรียกว่าได้ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ครบรสในด้านต่างๆ ใน 3 ด่านทดสอบ ตั้งแต่การทดสอบความเร็วจากขุมพลังของเครื่องยนต์บนสนามแข่ง การทดสอบความคล่องตัวและความปราดเปรียวในการขับขี่แบบ Gymkhana และทดสอบฟังก์ชั่น Reversing Assistant ใน BMW 330i M Sport รวมถึงการได้ลองสมรรถนะของระบบช่วงล่างแบบ Adaptive M และระบบการขับเคลื่อนต่างๆ บนเส้นทางแบบออฟโรด ทั้งทางลูกรัง พื้นหญ้าและเนินดิน ใน BMW X5 กันอย่างเต็มที่

      สำหรับผมในการขับขี่บนถนนจริง ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ตอบสั้นๆ ว่าชอบทั้งในตัว BMW 320d Sport 190 แรงม้า และ BMW 330i M Sport 258 แรงม้า พละกำลังของเครื่องยนต์มีมาให้ในเกณฑ์ที่สูงมาก แต่ช่วงล่างที่ปรับปรุงมาใหม่ ก็ถูกเซ็ตมาให้นั่งได้สบายทั้งคนขับและคนนั่งครับ สิ่งที่ชอบอีกเรื่อง คือ พวงมาลัยยังคมกริบ และเสียงเครื่องยนต์จากท่อไอเสียคู่ ทันทีที่กดปุ่มเข้าสู่โหมด SPORT และช่วงล่างหนึบ เข้าโค้งที่ความเร็วสูงได้มั่นใจมาก และชุดเบรกที่หยุดความเร็วได้อยู่หมัด ยังคงคอนเซปต์รถที่ขับได้สนุก

        ส่วนในการขับ BMW 330i M Sport แบบ Gymkhana ที่ต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 36 km/h และเมื่อไปถึงจุดสิ้นสุดของสนาม จะต้องสลับมาเข้าเกียร์ถอยหลัง และให้ตัวรถใช้ระบบช่วยถอย Reverse Assist ก็น่าตื่นเต้น เพราะก็นับเป็นครั้งแรกครับของการผสานเอาสมรรถนะของตัวรถ เข้ากับฟีเจอร์ใหม่ และแน่นอนว่าเป็นคำตอบที่ลงตัวดี ตอบโจทย์ สำหรับใครที่ชื่นชอบระหว่างดีไซน์ สมรรถนะ และ เทคโนโลยีในรถแบบซีดานหรู

 

ราคา

BMW 320d Sport                            2,959,000 บาท

BMW  330i M Sport                        3,359,000 บาท

BMW X5 xDrive30d M Sport        5,699,000 บาท

 

 

        BMW Intelligent Personal Assistant ฟีเจอร์สุดล้ำ ที่พร้อมทำงาน เพียงแค่ทักด้วยประโยค “Hey BMW” (สวัสดี บีเอ็มดับเบิลยู) ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ใหม่และอีกหนึ่งก้าวสำคัญในโลกยานยนต์ ที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุม และใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ในรถยนต์ได้อย่างครบวงจรมากขึ้น เพียงแค่สั่งงานด้วยเสียง

 

    ทั้งในตัว BMW 320d Sport 190 แรงม้า และ BMW 330i M Sport 258 แรงม้า กำลังของเครื่องยนต์มีมาให้ในเกณฑ์ที่สูง และที่สำคัญได้อารมณ์สปอร์ต จากเสียงเครื่องยนต์ที่มาจากท่อไอเสียคู่ ทันทีที่กดปุ่มเข้าสู่โหมด SPORT