“Life Crossover Lifestyle Trip” ทริปเที่ยว ทริปทำดี กับฮอนด้า บีอาร์-วี เวอร์ชั่นปรับโฉม

  • September 06, 2019

      เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ขับขี่ ตามคำเชิญของ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กับกิจกรรม “Life Crossover Lifestyle Trip” สัมผัสประสบการณ์ขับขี่ยนตรกรรมอเนกประสงค์ เอสยูวี ของฮอนด้า 2 รุ่น ได้แก่ “ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่” และ “ฮอนด้า เอชอาร์-วี” บนเส้นทางกรุงเทพฯ – หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร และสนุกกับกิจกรรมสุดท้าทาย พร้อมทั้งร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และกิจกรรมเวิร์กชอปอาหารสุขภาพ ที่พร้อมพาคุณครอสชีวิตให้ครบทุกด้าน (Life Crossover)

 

ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ ปรับดีไซน์ภายนอก ภายใน เติมความสปอร์ตพร้อมสีใหม่ สีแดงแพสชั่น (มุก)

      ในช่วงเช้าคณะสื่อมวลชนพบกัน ณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด สาขาศรีอยุธยา เพื่อรับฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์ และสัมผัสกับยนตรกรรมอเนกประสงค์ทั้ง 2 รุ่น คือ ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ ยนตรกรรมแอคทีฟสปอร์ตครอสโอเวอร์ ที่มาพร้อมดีไซน์ภายนอกสปอร์ต แกร่งในทุกมิติ โดดเด่นทุกมุมมองกับกระจังหน้าใหม่ ไฟหน้าโปรเจกเตอร์พร้อมไฟหรี่และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่โฉบเฉี่ยวให้พร้อมลุยทุกความท้าทาย และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตกว่าที่เคย มาพร้อมสีใหม่ สีแดงแพสชั่น (มุก)

     ส่วนในอีกรุ่นคือ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกและภายในที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น บ่งบอกสไตล์ตัวตนอีกด้านของคุณด้วยการออกแบบภายในใหม่ เสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตพรีเมี่ยมไปอีกขั้น กับภายในสีแดงออกซ์บลัด ในรุ่น RS และสีทูโทน ไอเวอรี่/ดำ ในรุ่น EL แต่ยังคงความกว้าง และยังมาพร้อมสีภายนอกใหม่ สีขาวแพลทินั่ม (มุก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก)

 

เครื่องยนต์เดิม 1.5 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 117 แรงม้า และเกียร์ CVT

      ในระหว่างเส้นทางมุ่งหน้าสู่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีทั้งถนนทางตรงและทางโค้ง สื่อมวลชนจะได้สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ พร้อมทั้งฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของรถยนต์เอสยูวีทั้ง 2 รุ่น กันอย่างเต็มที่ ทั้งฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ ที่ขับเคลื่อนเต็มสมรรถนะไปกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 117 แรงม้า และฮอนด้า เอชอาร์-วี ที่ผสานความสปอร์ตเร้าใจ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 141 แรงม้า โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับระบบเกียร์ CVT นุ่มนวลทุกการขับขี่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม เปี่ยมไปด้วยขุมพลังเต็มสมรรถนะเพื่อการขับขี่และการใช้งานที่หลากหลายและให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม อีกทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 พร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัยที่ครบครัน ให้คุณออกไปสัมผัสทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว

 

ร่วมทำกิจกรรม CSR กับฮอนด้า เก็บขยะริมชายหาดหัวหินเพื่อช่วยกันรักษาระบบนิเวศน์

           การเดินทางในครั้งนี้ สื่อมวลชนยังได้ลุยเต็มที่ทุกกิจกรรมด้วยพื้นที่อเนกประสงค์ด้านท้ายของยนตรกรรมทั้ง 2 รุ่น ที่สามารถปรับพับได้หลากหลายรูปแบบ โดยได้ขนสัมภาระ ทั้งอุปกรณ์และชุดว่ายน้ำ รวมถึงห่วงยาง ไปร่วมทำกิจกรรมสุดท้าทาย ชุ่มฉ่ำไปกับสไลด์เดอร์และเครื่องเล่นนานาชนิด ที่สวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน หลังจากนั้นในช่วงเช้าของอีกวันได้เดินทางไปร่วมทำกิจกรรม CSR โดยเก็บขยะริมชายหาดหัวหินเพื่อช่วยกันรักษาระบบนิเวศน์ริมชายหาดให้อุดมสมบูรณ์ ส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร่วมทำกิจกรรม Cooking Workshop เรียนรู้การทำอาหารสุขภาพ 3 เมนูกับเชฟนพดล นุชเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมความประทับใจ

 

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

       ระยะเวลา 2 วัน บนเส้นทางการขับทดสอบจากกรุงเทพฯ – หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร รวมทั้งการได้ร่วมกิจกรรมดีๆ เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม กับทาง ฮอนด้า ประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมหลังจากการเปิดตัวเวอร์ชั่น ไมเนอร์เชนจ์ของ Honda BR-V สปอร์ตครอสโอเวอร์ ที่มาเสริมทัพในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีทั้ง CR-V ,HR-V และ Mobilio ซึ่งเปิดตัวทำตลาดไปก่อนหน้านี้

     แม้ทาง Honda เองจะมีรถอเนกประสงค์ที่ใกล้เคียงกันคือ BR-V และ Mobilio ที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่ชื่นชอบรถแนวครอสโอเวอร์และมินิเอ็มพีวีตามลำดับ และติดตั้งเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่งเหมือนกัน แต่ Honda BR-V คืออีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กราคาย่อมเยาที่ให้อรรถประโยชน์ได้เกินตัว

     ความคิดเห็นส่วนตัวมองว่าข้อดี ของ BR-V จะจัดอยู่ในกลุ่มรถเอสยูวีขนาดเล็กที่ยังไม่มีคู่แข่งในตลาดโดยตรงก็ตาม แต่ถ้าจะให้เปรียบมวยที่มีขนาดตัวและชั้นเชิงใกล้เคียง และด้วยรูปทรงสไตล์รถลูกผสมระหว่าง SUV กับ MPV ที่มีคู่เปรียบเทียบ ทั้ง Ford Ecosport,Toyota Avanza และ Suzuki  Ertiga ซึ่งทั้งหมดนี้คือรถอเนกประสงค์ที่มีราคาใกล้เคียงและใช้เครื่องยนต์ความจุไม่เกิน 1.5 ลิตร เป็นตัวขับเคลื่อนเหมือนกัน และการแต่งหน้า ทาปากใหม่ ในเวอร์ชั่นนี้ จึงเป็นการตอกย้ำการบุกเบิกตลาดใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้านิวเจเนอเรชั่น ที่ต้องการฉีกกรอบแบบเดิมๆ ราคาที่ปรับขึ้น 1.5 หมื่นบาท แลกกับความสปอร์ตที่จัดเต็ม ไมเนอร์เชนจ์ห้องโดยสารดูสปอร์ตขึ้น

       ส่วนในอีกคันคือ Honda HR-V แน่นอนว่าการจัดการพื้นที่ในรถ รวมถึงความสบายจากเบาะคู่หน้าและหลัง ยังคงเป็นจุดเด่นที่ทำให้ HR-V น่าใช้โดยเฉพาะสำหรับบ้านที่เดินทาง 4 คนเป็นประจำ อุปกรณ์ต่างๆ ก็ให้มาแบบสมฐานะรถ และยังมีหลังคา Panoramic มาให้สำหรับใครๆที่ชอบบรรยากาศการขับรถเปิดหลังคาในรุ่น RS โดยรวมยังน่าสนใจ ในบุคลิกของรถครอสโอเวอร์ประเภทที่ทำมาเพื่อลูกค้าส่วนใหญ่ในตลาดที่ไม่ได้บ้าพลัง หรือเซ็ตช่วงล่างมาให้สำหรับขาซิ่ง แต่ปรับโฉมเพื่อลบจุดด้อยเล็ก ๆ น้อย ๆ และเพิ่มทางเลือกให้ตัวเอง ในตลาดซับคอมแพ็ครถครอสโอเวอร์ ทีมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ทั้งจาก Toyota C-HR และ MG ZS ครับ

 

 Honda BR-V

      ในรุ่น 2019 ไมเนอร์เชนจ์ ใช้กระจังหน้าแบบโครเมี่ยมใหม่, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรรุ่นเดิม ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT ยังคงไว้ 2 รุ่นย่อย คือ Honda BR-V รุ่นย่อย SV เบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-แดงสไตล์สปอร์ต ราคา 835,000 บาท และHonda BR-V  รุ่นย่อย V เบาะนั่งแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ราคา 765,000 บาท

 

Honda HR-V

      ฮอนด้า เอชอาร์-วี มาพร้อมสีภายในใหม่ ได้แก่ สีแดงออกซ์บลัด ในรุ่น RS และสีทูโทน ไอเวอรี่/ดำ ในรุ่น EL ซึ่งขึ้นอยู่กับสีตัวรถภายนอก โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่· รุ่น RS ราคา 1,119,000 บาท· รุ่น EL ราคา 1,059,000 บาท· รุ่น E ราคา 949,000 บาท