เมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดกิจกรรมอบรม “Mercedes-Benz Driving Events 2019” ขนทัพรถหรูกว่า 20 รุ่น โชว์สมรรถนะ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

  • October 21, 2019

      บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ด้านความปลอดภัย จัดกิจกรรมฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย “Mercedes-Benz Driving Events 2019” โดยมีทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพร่วมให้คำแนะนำในการฝึกทักษะการขับขี่ปลอดภัยขั้นสูงอย่างใกล้ชิด พร้อมขนทัพยนตรกรรมหรูกว่า 20 รุ่น พร้อมด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด The new Mercedes-Benz A-Class และ The new Mercedes-Benz GLE  รวมทั้ง Mercedes-Benz GLC” และ Mercedes-Benz GLC Coupé” รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่ มาให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ร่วมทดสอบสมรรถนะกันอย่างใกล้ชิด ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิตจังหวัดบุรีรัมย์

      มร.โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ มุ่งมั่นในการคิดค้น และพัฒนาเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยอันก้าวล้ำ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในเรื่องการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ให้เป็นศูนย์ (Accident-Free Driving) มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ความสำคัญเสมอมา นั่นคือการคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่รถยนต์ นอกจากนี้บริษัทฯ มองเห็นว่าอีกส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดบนท้องถนน คือ ‘การพัฒนาทักษะการขับขี่’ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้มีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานระบบความปลอดภัยของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างถ่องแท้ และสามารถนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือตนเอง และบุคคลรอบข้าง  ในกรณีที่เกิดเหตุคับขัน เพื่อช่วยลดความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกทางหนึ่งอีกด้วย”

 

      มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับกิจกรรมฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย ‘Mercedes-Benz Driving Events 2019’ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 20 ตุลาคม 2562 นี้  มีวัตถุประสงค์ที่จะเสริมทักษะความรู้และวิธีการขับขี่ปลอดภัยให้กับสื่อมวลชน และลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีกทั้งเพื่อฝึกฝนให้ผู้ขับขี่สามารถคาดการณ์อันตรายต่างๆ ได้ล่วงหน้า และสามารถหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างทันท่วงที โดยผู้เข้ารับการอบรมจะได้เรียนรู้และ พัฒนาทักษะการขับขี่แบบขั้นสูง (Advance Course) ควบคู่ไปกับการใช้ระบบความปลอดภัยใหม่ๆ ของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการนี้บริษัทฯได้เตรียมรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์  สำหรับการทดสอบไว้กว่า 20 รุ่น โดยมีไฮไลท์สำคัญที่รถยนต์ 5 รุ่นล่าสุด Mercedes-Benz   A 200 AMG Dynamic ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 4 ของยนตรกรรมอัจฉริยะในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ และ Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic ที่สุดแห่งยนตรกรรมเอสยูวี 7 ที่นั่ง ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล รวมทั้งรถยนต์เอสยูวีดีไซน์สปอร์ตรุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่ “Mercedes-Benz GLC 220 d”, “Mercedes-Benz GLC 220 d AMG Dynamic” และ “Mercedes-Benz GLC 220 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic” พร้อมกันนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านจะได้รับการฝึกอบรมจากทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นำทีมโดย มร. ปีเตอร์ แฮ็คเค็ท ที่มีประสบการณ์ด้านการฝึกสอนเทคนิคการขับขี่ปลอดภัยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกทุกฐานแล้ว ผู้ขับขี่จะมีความเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีความปลอดภัยอันทันสมัยที่ติดมากับตัวรถได้อย่างเต็มที่ โดยผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านที่ผ่านการฝึกอบรมฯ จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากทางทีมผู้ฝึกสอนอีกด้วย” มร. บีเยิร์น กล่าวทิ้งท้าย

     นอกจากผู้ร่วมอบรมจะได้เรียนรู้วิธีการขับขี่ปลอดภัยแล้ว ทุกท่านจะได้สัมผัสสมรรถนะอันดีเยี่ยม ความโฉบเฉี่ยวเร้าใจสไตล์สปอร์ต ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงความสามารถในการตอบสนองที่รวดเร็ว ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ได้เป็นอย่างดีของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่น โดยบริษัทฯ ได้จัดเตรียมรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นต่างๆ สำหรับการฝึกไว้กว่า 20 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ในกลุ่ม Compact Car อย่าง A 200 AMG Dynamic และ A 200 Progressive กลุ่ม SUV อย่าง GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic, GLC 220 d 4MATIC, GLC 220 d, GLC 220 d AMG Dynamic และ GLC 220 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic รวมถึงกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงจากแบรนด์ Mercedes-AMG อาทิ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé, Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+, Mercedes-AMG C 63 S Coupé, Mercedes-AMG A 45 4MATIC, Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG C 43 4MATIC, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé, Mercedes-AMG E 53 4MATIC+, Mercedes-AMG SLC 43 และ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+

รายละเอียดของแต่ละสถานี

 

สถานีที่ 1: Brake & Lane Change

       เป็นการทดสอบการควบคุมเบรกฉุกเฉิน และทดสอบความเร็วในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของผู้ขับขี่ โดยผู้ทดสอบจะได้ทดสอบระบบความปลอดภัย ABS®  ระบบช่วยเบรก และไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light) ที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก โดยผู้ทดสอบต้องขับรถออกจากจุดเริ่มต้นด้วยความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. เหยียบเบรก และหักเลี้ยวไปในทิศทางตามการให้สัญญาณของผู้ฝึกสอน ซึ่งการทดสอบนี้ได้รับการออกแบบให้ผู้ขับขี่ฝึกการใช้เบรกฉุกเฉิน และการควบคุมรถภายใต้ความกดดัน

 

สถานีที่ 2: ESP® Simulation

      สถานการณ์ที่ยากที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ คือการที่ต้องเผชิญกับสิ่งกีดขวางบนท้องถนนโดยที่ไม่ทันตั้งตัว และไม่มีเวลาเบรก ทักษะการหลบหลีก และน้ำหนักในการเหยียบคันเร่งจึงเป็นสิ่งที่ผู้ขับที่ทุกคนจำเป็นต้องมี เพื่อที่จะสามารถผ่านการทดสอบในสถานีนี้ได้ ดังนั้นการใช้ระบบความปลอดภัย ESP® จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ผู้ขับขี่มีความมั่นใจในการควบคุมรถให้ไปในทิศทางที่ต้องการในสถานการณ์อันคับขัน

 

สถานีที่ 3: Drag Race & Brake to a Point

เป็นสถานีที่เปิดโอกาสให้ผู้ทดสอบได้สัมผัสถึงสมรรถนะของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีได้อย่างเต็มที่ ด้วยการจำลองการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต พร้อมฝึกทักษะการตอบสนองของผู้ทดสอบ โดยรถทั้งสองคันจะถูกปล่อยตัวพร้อมกันเมื่อสัญญาณไฟแดงดับลง และผู้ทดสอบจะต้องเบรกเมื่อถึงจุดที่กำหนดไว้ ผู้ที่สามารถหยุดรถให้อยู่ในจุดที่กำหนดได้จะถือว่าชนะการแข่งขัน

 

สถานีที่ 4: Cornering Exercise

      เป็นการทดสอบการเข้าโค้ง โดยจะใช้พื้นที่โค้งในสนามที่มีความกว้างแตกต่างกันไป ทำให้ผู้ทดสอบสามารถฝึกทักษะที่จำเป็นในการขับขี่ ได้แก่ การเบรก การบังคับทิศทางรถ และการมองเห็นได้อย่างเต็มที่ ผู้ฝึกสอนจะเป็นผู้นำการขับขี่ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของสนาม ทำให้ผู้ทดสอบได้ฝึกการขับขี่ในเส้นทางการแข่งรถจริงๆ พร้อมทั้งยังได้เรียนรู้เทคนิคการขับขี่ของนักแข่งรถอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์หลากหลายรุ่น และความแตกต่างระหว่างรถยนต์แต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็นทั้งรถยนต์โดยสารหรือรถเอสยูวี

 

สถานีที่ 5: Handling Course

      คือการจำลองการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่เพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจให้ผู้ทดสอบทุกคนด้วยการจับเวลาการแข่งขัน โดยผู้ทดสอบจะได้ใช้ทักษะในการควบคุมรถ การเบรก และการเร่งความเร็วของรถยนต์ โดยในสถานีนี้ผู้ทดสอบจะได้ทดลองขับรถยนต์ Mercedes-Benz A-Class รุ่นใหม่ ซึ่งทำให้ผู้ทดสอบสามารถเปรียบเทียบทักษะของตนเอง พร้อมทั้งเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของผู้อื่นอีกด้วย

 

สถานีที่ 6: Lead & Follow

       ในสถานีนี้ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีจะถูกแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ซึ่งรถในแต่ละกลุ่มจะมีลักษณะ และสมรรถนะที่คล้ายคลึงกัน เพื่อให้ผู้ทดสอบได้ฝึกทักษะการขับขี่แบบนักแข่งรถตามเส้นทางการแข่งรถของจริงบนสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พร้อมทั้งสัมผัสสมรรถนะของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์และเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเต็มรูปแบบ โดยผู้ฝึกสอนจะเป็นผู้นำเส้นทางไปรอบๆ สนาม พร้อมทั้งให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดสำหรับการขับขี่บนเส้นทางรถแข่ง เพื่อเสริมสร้างทักษะการขับขี่ปลอดภัยให้กับผู้ทดสอบทุกท่าน

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

       สำหรับผมการจะลงมือทำอะไรสักอย่าง จำเป็นมากๆ ครับ ที่เราต้องเรียน และรู้ให้ลึก และรู้ให้จริง ไม่ว่าจะเป็นการทำกับข้าวที่ต้องเรียนรู้ว่าควรใส่วัตถุดิบอะไรใส่อะไรก่อนหลัง หรือแม้กระทั่งการจับกริปของอุปกรณ์กีฬา ไม่ว่าจะเป็นสนุ๊กเกอร์ หรือเกมส์กอล์ฟ เทคนิค บางอย่างมองเองไม่มีทางรู้เองได้ ต้องผ่านการเรียนและรู้ จากครูจึงจะเข้าใจ

      3 วัน 2 คืน กับการมาบุรีรัมย์ เพื่อฝึกฝนให้ ขับและคุมรถ และ พัฒนาทักษะการขับขี่แบบขั้นสูงแบบ Advance Course ควบคู่ไปกับการใช้ระบบความปลอดภัยใหม่ๆ ของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในครั้งนี้คุ้มค่าครับ

       เพราะทำให้ เข้าใจ มองไกลและมองกว้างขึ้นไม่ว่าจะเป็น การขับรถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง การจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ และการแก้อาการ เมื่อรถเสียการทรงตัวรวมไปถึง การลองเบรกแบบเต็มกำลังชนิดกดเท้าลงไปบนแป้นเบรกแบบสุดแรงเกิด ที่มั่นใจว่าคนใช้รถ หลายคนไม่เคยลองกับรถตัวเอง รวมไปถึง ฝึกทักษะในการ ปรับสายตาให้ไวขึ้นรวมถึงการตอบสนองต่อการหักเลี้ยว  และสมาธิในการคุมรถในสนามแข่งรถช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต

       ส่วนในเรื่องรถ หลากหลายโมเดล ที่มีโอกาส ขับทดสอบ กันแบบเต็มอิ่ม แน่นอนว่า ในเรื่อง สมรรถนะ และระบบช่วยขับอิเล็กทรอนิกส์ ดีเยี่ยมสมแบรนด์อยู่แล้ว แต่ ก็ขอชื่นชมและยกนิ้วให้ กับประสิทธิภาพสูง ของรถหรู เล็ก อย่าง Mercedes Benz A 200 AMG เครื่อง 1.3 ที่ขับวิ่งได้อย่างน่าประทับใจผ่านในสถานีทดสอบต่างๆ ในสนามแข่งที่ใช้วัดฝีมือและความสามารถในการควบคุมรถของนักขับอย่างแท้จริง

      เรียกได้ว่าการฝึกอบรมในครั้งนี้ เป็นการได้มาเรียนรู้ และฝึก ร่วมกันระหว่างมนุษย์และจักรกลยานยนต์ที่ผ่านการคัดกรองมาเป็นอย่างดี ด้วยกรรมวิธีของการเรียนรู้ที่สนุกสนานควบคู่ไปกับการได้ขับยนตกรรมหรูประสิทธิภาพสูงหลากหลายรุ่นจากแบรนด์ตราดวงดาวครับ...