Mazda CX-30 อเนกประสงค์ ขับสนุก ลุคสปอร์ต

  • March 20, 2020

       ในครอสส์โอเวอร์ Mazda CX-30 สีเทา Machine Gray  บนเส้นทางทดสอบหลักๆ เป็นทางหลวงสาย 12 จากตัวเมืองขอนแก่น ขับออกไปผ่านน้ำหนาว ผ่านหล่มสัก มุ่งหน้าเขาค้อ ออกไปทางวังทองแล้วเข้าพิษณุโลก ระยะทาง 300 กิโลฯ มีครบทุกรสชาติ ทั้งทางตรง ทางโค้ง ขึ้นเขา ลงเขา เรียกว่าได้ลองสัมผัสทุกอณูของ Mazda CX 30 ใช้งานได้อย่างเต็มที่

 

อเนกประสงค์ทรงสวย ภายใต้แนวคิด “Sleek and Bold”

      ด้วยความโฉบเฉี่ยว สดใหม่ ลายเส้นตัวถังสวยงาม อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในรถมีมาให้ครบครัน สื่อหลายสำนักจึงให้ความสนใจ สำหรับการเปิดตัว Mazda CX-30 ครอสโอเวอร์คันนี้ที่อยู่ตรงกลางระหว่างตัวน้อง Mazda CX-3 กับตัวพี่ Mazda CX-5 การันตีได้จาก ตัวเลขยอดจองของ 1,500 คัน Mazda CX-30 นับตั้งแต่เปิดตัว

 

       เช่นเดียวกับตำแหน่งการตลาด มิติตัวถังของ CX-30 อยู่ตรงกลางระหว่าง CX-3 และ CX-5 รองรับผู้โดยสารผู้ใหญ่ 4 คน แน่นอนว่าการเป็นรถในแบบครอสโอเวอร์ทำให้มีทัศนวิสัยที่กว้างไกล และโครงสร้าง Skyactiv-Vehicle Architecture  Mazda CX-30 นับเป็นรถที่พัฒนาบนพื้นฐานเทคโนโลยีเจเนอเรชั่นที่ 7 ของมาสด้า โดยหยิบเอาแพลทฟอร์มใหม่ของ Mazda3 มาใช้งานพร้อมกับเครื่องยนต์และออปชั่นต่างๆ  

        แนวคิดในการออกแบบยังคงยึด โคโดะ ดีไซน์ ที่ได้รับการปรับให้มีความสปอร์ตและดูหรูมากขึ้น แนวทางหลักของการออกแบบยึดโยงกับบรรดารถเอสยูวีระดับพรีเมี่ยมของแบรนด์ยุโรป โดยสะท้อนออกมาเป็นเส้นสันต่างๆ รอบคัน โดยเฉพาะคิ้วด้านข้างที่เป็นสีดำเนื่องจากเพื่อให้รถดูเล็กและมีความสปอร์ต

 

      ทีมนักออกแบบเขย่ารวมสัดส่วนที่สวยงามเข้ากับฟังก์ชั่นใช้งานที่สะดวกสบายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง และพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่รองรับการใช้งานอย่างเต็มที่ ส่วนล่างของรอบตัวรถติดตั้งวัสดุกันกระแทกสีดำที่กลมกลืนไปกับตัวถัง ไฟหน้า LED พร้อมรูปทรงกระบอกภายในตัวโคมที่ดูสปอร์ตและดึงดูดสายตา มีระบบเปิดปิดอัตโนมัติ ไฟเลี้ยวเป็นแบบ LED ที่มีแพทเทิร์นไล่ระดับ ชวนให้นึกถึงการเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตื่นตัวตลอดเวลา ไฟท้ายและไฟตัดหมอกหลังเป็นแบบ LED ส่วนล้ออัลลอยรุ่นเริ่มต้นใช้ขนาด 16 นิ้ว หุ้มด้วยยาง 215/65 R116 ส่วนรุ่นบนมีขนาด 18 นิ้ว สวมทับด้วยยาง 215/55 R18

                                                                                         

         ที่ผ่านมาทางมาสด้ามีโมเดลรถที่น่าสนใจหลายรุ่นครับ ทั้ง  CX-3 CX-5  CX-8 CX-3 ส่วน CX-30 คันนี้ทีเด็ดของ  ความแรง และเทคโนโลยีที่จัดเต็มมาให้ ทำให้การมาของ Mazda CX-30 นี้เหมือนเข้ามาเติมเต็มช่องว่างทำให้มาสด้ามีรถยนต์ SUV ให้ลูกค้าได้เลือกหลากหลายขนาดตรงกับความต้องการและตอบโจทย์ของลูกค้ามาที่สุด เรียกได้ว่ามาสด้าเป็นเจ้าพ่อรถยนต์ SUV อย่างแท้จริง

 

ห้องโดยสารเน้นหรู ดีไซน์คล้าย Mazda3

          ดีไซน์การออกแบบภายในห้องโดยสารด้านหน้ายกมาจาก Mazda3 แต่จะมีจุดที่แตกต่างคือตำแหน่งผู้ขับขี่ โดยเบาะจะสูงกว่าเล็กน้อย ให้ทัศนวิสัยที่ชัดเจนมากขึ้น เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า ตัวเบาะนั่งหน้าทำมาได้ดี จัดพื้นที่มาให้นั่งขับ คอนโทรลรถได้สบาย วางตำแหน่งของขาได้ไม่ติดขัด เพราะแผงสวิตช์กระจกไฟฟ้าตวัดขึ้นหลบเข่าได้พอดี ตัวเบาะที่หนาแต่แน่นและนั่งได้โอบกระชับตัว

 

        ภายในและแดชบอร์ดดูทันสมัย ออปชั่นต่างๆ มีมาให้ครบ ทั้งแผงหน้าปัดและมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล TFT, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี  ระบบความบันเทิงใช้หน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ปรับด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อการสื่อสารผ่าน Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay และกล้องมองหลัง รวมทั้งเครื่องเสียง รุ่น BOSE 12 ลำโพงในตัวท็อป

 

         เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติดูอัลโซน ส่วนเบาะหลังพับได้ 60/40 ในตำแหน่งผู้โดยสารที่นั่งเบาะหลังนั้นจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย มิฉะนั้นรถจะส่งเสียงเตือนตลอดเวลา แต่การนั่งเบาะหลังในตำแหน่งผู้โดยสาร เนื้อที่วางขาและความโปร่งโล่งจากพื้นที่ว่างเหนือศีรษะอาจจะไม่โดดเด่น ถ้าเทียบกับคู่แข่งขันในเซ็กเมนต์เดียวกัน อย่างไรก็ตาม ทางมาสด้าก็มีการติดตั้งช่องแอร์ด้านหลังมาให้

      ส่วนพื้นที่จัดเก็บสัมภาระภายในห้องโดยสารของ Mazda CX-30 มีความจุ 430 ลิตร มากกว่า Mazda3 เล็กน้อย ซึ่งอยู่ที่ 358 ลิตร ประตูบานท้ายที่มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยไฟฟ้าสามารถเปิดได้กว้าง ช่วยให้นำสัมภาระเข้า-ออกด้านท้ายได้สะดวกยิ่งขึ้น

 

ขุมพลังสกายแอ็กทีฟเบนซิน 165 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

         กดคันเร่งออกตัว ตอบสนองทันใจดี อัตราเร่งในหลายย่านความเร็วตั้งแต่ 60-140 กิโลเมตร/ชั่วโมง พบว่าคิกดาวน์ติดและรถพุ่งไปข้างหน้าได้อย่างทันใจ มั่นใจได้ในทุกจังหวะที่เร่งแซง เรียกว่าเป็นรถขับสนุกได้ เครื่องยนต์สกายแอ็กทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที เครื่องยนต์ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ SKYACTIV ได้อย่างลงตัว แต่การเรียกกำลังของตัวรถ ในบางจังหวะอาจจะต้องใช้การคลิกดาวน์ช่วยหน่อยก็เท่านั้น มาถึงทางขึ้นลงเขาสบายไปได้แบบกำลังเหลือๆ แต่บางช่วงที่ต้องเร่งแซงบนทางชันอาจจะต้องเค้นเครื่องสักหน่อย

 

       โหมด Sport ของรถยังช่วยเรียกอัตราเร่งและรอบเครื่องยนต์กระฉับกระเฉงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ ขับสนุกแต่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็ไม่จัดว่าโหด จากการขับระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร ที่มีครบทุกลักษณะการใช้งานแบบทั่วไป ส่วนตัวเลขเฉลี่ยมาสด้าเคลมไว้ที่ 15.4 กิโลเมตร/ลิตร

 

       พวงมาลัยคมแม่นยำดี โดยเฉพาะเวลาเลี้ยวโค้งมั่นใจว่าเอาอยู่ เช่นเดียวกับระบบเบรกที่หยุดได้แบบอุ่นใจ แต่จะต้องทำความคุ้นเคยกับระยะและน้ำหนักในการกดแป้นเบรกสักหน่อย เพราะค่อนข้างจะตื้นและใช้แรงกดหนักพอสมควร ระบบเบรก ออกแบบใหม่มาเป็นรถยุโรปพันธุ์แท้ แป้นเบรกมีน้ำหนักเท้าที่ต้องกดเยอะขึ้น ต้องแตะค้างไว้นิดหนึ่งก่อนเพิ่มน้ำหนักเท้ากดที่ต่างกัน 1-2 วินาที จะทำให้รถหยุดในระยะสั้นมาก และดึงรถหยุดได้ทั้งคันไม่ได้ล็อกเฉพาะล้อยาง แบบรถทั่วๆไป ขับชินแล้วจะได้อารมณ์ ที่แตกต่างมั่นใจ รู้ระยะห่างของผ้าเบรกและจานเบรกที่เป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ

       ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 5.3 เมตรแต่จะมีสิ่งที่แตกต่าง คือความยาวของโช้กอัพที่ยาวกว่า และค่าความแข็งของสปริงที่แตกต่างกัน เนื่องจาก Mazda CX-30 นั้นมีความสูงที่มากกว่า Mazda3 ทรงตัวที่ความเร็วสูงระดับ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตัวรถนิ่งดี เกาะถนน ขับแล้วไม่รู้สึกว่าเร็ว

 

ระบบความปลอดภัยจัดเต็มตามสไตล์มาสด้า โดยเฉพาะในรุ่นท็อป SP

          สำหรับ Mazda CX-30 มี 3 รุ่นย่อยเป็นทางเลือก มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ยังไม่มีตัวเครื่องยนต์ดีเซลมาให้เลือกในตอนนี้ โดยในรุ่น 2.0 C มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานและความปลอดภัยพื้นฐาน คือ ไฟหน้าโปรเจกเตอร์แบบ LED, ล้ออัลลอย 16”, หน้าจอ Center Display ที่รองรับระบบ Apple CarPlay, ถุงลมนิรภัย 7 ตําแหน่ง, ระบบ ABSM และระบบ RCTA

       ส่วนในรุ่น 2.0 S เพิ่มความสปอร์ตแต่ต้องจ่ายเพิ่ม 110,000 บาท ได้เพิ่ม 5 รายการ คือ ล้อแม็กพร้อมยางขอบ 18, ไฟ DRL แบบธรรมดา, เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด, ฝาท้ายไฟฟ้า และกล้องมองหลัง

        ปิดท้ายในรุ่น 2.0 SP เพิ่มความพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ที่หรูหรานั้นจ่ายเพิ่ม (จากรุ่น S) 100,000 บาท  เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานและระบบความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ เช่น ไฟส่องสว่างสําหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lamp) แบบ LED Signature, หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า, ระบบเสียง BOSE รอบทิศทางพร้อมลําโพง 12 ตําแหน่ง, ระบบ ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และระบบความปลอดภัย i-Activsense ทีมากถึง 12 ระบบ เหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน ที่สำคัญ Mazda CX-30  ยังถือเป็นรถโมเดลหนึ่งในไม้ตายที่ทางมาสด้าเองหวังไว้ใจว่า จะเพิ่มยอดขายรถในกลุ่ม SUV/Crossover จากปีที่แล้ว 5,736 คัน ให้เป็น 18,000 คันให้ได้ในปีนี้

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

      ส่วนตัวผมเองสำหรับ Mazda CX-30 จัดเป็นทรงสวยที่ผสมผสานความเป็นรถอเนกประสงค์เข้ากับสไตล์การออกแบบที่สง่างามโดยถ่ายทอดเอกลักษณ์ดีไซน์ Evolved Kodo แบบเดียวกับ Mazda3 รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นการพัฒนาอีกขั้นต่อยอดจาก Kodo แบบดั้งเดิมที่เราพบได้ใน Mazda3 รุ่นก่อนหน้า

      คำถามในเรื่องพื้นที่ในห้องโดยสารในบอดี้กะทัดรัดของรถอาจไม่ใช่จุดขาย เพราะถ้าคุณสูงเกิน180เซนติเมตร ในด้านหน้านั่งได้สบายๆ แต่ด้านหลังอาจจะแคบไปนิด แม้ภายในจะมีขนาดใหญ่กว่า Mazda CX-3 และพื้นที่เหนือศีรษะมากกว่า Mazda3 แต่พื้นที่เหยียดขาของคนนั่งหลังอาจมีไม่มากอย่างที่คิดและปรับเอนไม่ได้

        พวงมาลัยทำงานประสานได้ดั่งใจรับกับช่วงล่างของ Mazda CX-30 แม้แพลทฟอร์มจะเป็นแบบเดียวกันกับ Mazda3 แต่ด้วยความสูงใต้ท้อง 175 มิลลิเมตร ทำให้วิศวกรต้องเพิ่มช่วงชักของโช้กและสปริงที่ภาพรวมแข็ง แต่ยังไม่หนึบอาจจะเพราะช่วงล่างหลังมันเป็นแบบอิสระ แต่ฟีลรวมๆ แล้วการทรงตัวทำได้ดีทั้งในโค้งและทางตรงครับ

       ส่วนในเรื่องของเครื่องยนต์และเกียร์ที่ยกมาจาก Mazda3 กำลังเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร 165 ม้า 6000 รอบ/นาที แรงบิดสุดๆ 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที แต่ปรับอัตราทดเฟืองท้ายเพื่อชดเชยกับเส้นรอบวงล้อที่เพิ่มเข้ามา ในการลองขับขึ้นเขาตอนขึ้นทางชันจะเหมือนขาดพลังไปบ้าง แต่ก็สามารถใช้แพดเดิ้ลชิพช่วยในการเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำและวิ่งแซง จะเข้าโค้ง ขึ้นเขา ลงเขา อัตราเร่งโดยรวมใช้ได้ เป็นรถคุณภาพที่ดีอีกรุ่นของมาสด้า สำหรับครอบครัวขนาดเล็ก ที่เน้นใช้งานในเมืองคล่องตัว และต้องใช้รถออกต่างจังหวัดหรือเดินทางไกลๆ บ้าง รวมถึงคนที่ชอบขับรถเองที่อยากได้รถขับสนุก

       ปิดท้ายราคาค่าตัวมีมาให้เลือก 3 รุ่นย่อย ครับ  รุ่น C ตัวล่างราคา 989,000 รุ่น S ราคา 1,099,000 บาท และตัวท็อป รุ่น SP มีซันรูฟด้วย ราคา 1,199,000 บาท ที่ผมตั้งขอสังเกตไว้ว่า แม้ทางมาสด้าจะตั้งใจส่ง Mazda CX-30 มาเสริมทัพรถ Crossover ในตลาดมากขึ้นก็จริง แต่ก็น่าคิดว่าลูกค้าที่จะมาซื้อรถ ถ้าดูราคารถเปรียบเทียบอาจไม่ได้มาจากค่ายอื่นซะทีเดียว แต่อาจจะเปลี่ยนจากการมอง Mazda3 มาคบหากับโมเดล Mazda CX-30 คันนี้แทนก็เป็นได้ครับ…

 

เทคโนโลยี i-ACTIVSENSE 12 ระบบ ใน Mazda CX-30

ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360 ̊ View Monitor)

ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)

ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)

ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)

ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support)

ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)

ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing)

ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System)

ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)

ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)

อีกทั้งยังปกป้องทันทีจากอุบัติเหตุด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง

 

สีภายนอก Mazda CX-30  มีให้เลือก 8 สี

ได้แก่ สีแดง Soul Red Crystal, สีเทา Machine Gray, สีดำ Jet Black, สีน้ำเงิน Deep Crystal Blue, สีเงิน Sonic Silver, สีขาวมุก Snowflake White Pearl, สีน้ำตาล Titanium Flash และสีเทา Polymetal Gray Metallic