เรียกน้ำย่อย..ในสนามแข่ง!! ลองขับ Nissan Kicks อเนกประสงค์น้องใหม่ แรง ทันใจในแบบ e-Power

  • June 19, 2020

       ยังเป็นกระแสแรงและหลายคนให้ความสนใจ สำหรับรถใหม่ Nissan Kicks e-Power โมเดลนี้นั้น ที่มาพร้อมกับความแปลกใหม่ในตลาดบ้านเราด้วยการนำเสนอขุมพลัง e-Power กับการขับเคลื่อนรถด้วยพลังไฟฟ้าล้วน ที่มีส่วนสำคัญหลักๆ ประกอบการทำงาน ทั้งเครื่องยนต์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) แบตเตอรี่ อินเวอร์เตอร์ (Inverter) และมอเตอร์ไฟฟ้า หรืออาจเรียกได้ว่า Series Hybrid หลังจากที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยผ่านช่องทางออนไลน์ไปไม่นาน และในครั้งนี้ก็นับเป็นครั้งแรกกับการทำความรู้จักรถคันนี้ ในการขับทดสอบ ในสถานีที่ทาง บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทยฯ เซ็ตขึ้นมาเพื่อให้เราได้สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ในด้านต่างๆ ของรถกันอย่างเต็มเหนี่ยวภายในสนามแข่งรถ ปทุมธานี สปีดเวย์

 

Nissan V-Platform ในร่างครอสโอเวอร์ 5 ประตู

     โมเดลในรูปทรงรถอเนกประสงค์ที่ได้รับการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ใหม่ล่าสุด แพลตฟอร์มเป็น Nissan  V-Platform ในร่างครอสโอเวอร์ 5 ประตู ตามข้อมูลมีมิติตัวถังยาว 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. สูง 1,615 มม. และมีระยะฐานล้อกว้าง 2,615 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 175 มม. น้ำหนักรถรวมที่ 1,350 กก. และมีความจุถังน้ำมัน 41 ลิตร

      ดีไซน์ภายนอกมากับกระจังหน้าแบบ V-motion ไฟเลี้ยวบูมเมอแรง LED Signature Light ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED รวมถึงดีไซน์กันชนหน้าก็ออกแบบให้สปอร์ตขึ้นรวมถึงไฟตัดหมอกที่เป็น LED ไฟท้ายเป็นแบบ LED ทรงบูมเมอแรงที่มีการรมดำ ส่วนด้านข้างรถเด่นด้วยล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่สีทูโทนขนาด 17 นิ้ว

 

ภายในดีไซน์คล้าย Nissan ALMERA 1.0 TURBO

     พวงมาลัยให้มาเป็นแบบ 3 ก้านมัลติฟังก์ชัน ทรง D-shape หน้าปัดมีทั้งเข็มความเร็วและหน้าจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่ด้านซ้ายขนาดใหญ่ แสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ พร้อมรองรับภาษาไทยและมีตัวอักษรขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน  ในรุ่นย่อย VL มีการออกแบบดีไซน์ต่างๆ คุ้นตา คล้ายกับ Nissan ALMERA 1.0 TURBO แต่ก็มีรายละเอียดงานออกแบบที่แตกต่างกันอยู่ในบางจุด

       กลางคอนโซลวางชุดเครื่องเสียงแบบจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว พร้อมระบบ Nissan Connect ให้ลำโพง 6 ตำแหน่ง รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay (สำหรับระบบ iOS) รวมไปถึงการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบบลูทูธ ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ มีกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key - I-Key) ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button) ที่บริเวณคอนโซลกลาง และกุญแจระบบ Immobilizer

      เบาะนั่งด้านคนขับสามารถปรับเอนและปรับระดับสูง-ต่ำได้ ด้านหลังที่นั่งมีช่องเก็บของอเนกประสงค์ เบาะที่นั่ง 5 ที่นั่ง หุ้มด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้ เลือกได้ทั้งแบบ สีดำ หรือ ทูโทน ดำ-ส้ม ส่วนในรุ่นท็อป วัสดุหุ้มคอนโซลหน้าแบบ Soft Touch และในตอน 2 สามารถพับเบาะได้แบบ 40/60 ให้ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) พร้อมระบบหยุดรถอัตโนมัติ (Auto Brake Hold)

 

เครื่องยนต์เบนซิน e-Power โหมดการขับขี่ให้เลือกได้ 4 รูปแบบ

      ในส่วนของเครื่องยนต์ไซซ์เล็กเบนซิน HR12 DE ขนาด 1.2 ลิตร ที่ใช้ในการปั่นไฟ รวมไปถึงเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator)  อินเวอร์เตอร์ (Inverter) และมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 AC3 Synchronous Motor ที่รีดกำลังให้รถ 129 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตัน-เมตร ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 kWh ที่มี 4 โมดูลนั้น เป็นขุมพลัง e-Power กับการขับเคลื่อนรถด้วยพลังไฟฟ้าล้วน ที่มีส่วนสำคัญหลักๆ ประกอบการทำงาน ทั้งเครื่องยนต์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) แบตเตอรี่ อินเวอร์เตอร์ (Inverter) และมอเตอร์ไฟฟ้า หรืออาจเรียกได้ว่า Series Hybrid

       ใจความหลักสำคัญของรถ ระบบนี้ คือ จะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น เครื่องยนต์จะไม่มีการส่งกำลังไปที่ล้อเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์เลย โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวที่ทำให้ล้อหมุน ซึ่งเครื่องยนต์สันดาปภายในจะทำหน้าที่เพียงผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับระบบ ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าเองจะรับพลังงานจากแบตเตอรี่มากน้อยเพื่อใช้เพิ่มพละกำลัง

     การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จึงไม่ต้องห่วงและกังวล ในเรื่องของจุดชาร์จไฟ สามารถเติมน้ำมันได้ตามปกติเหมือนรถทั่วไปสมรรถนะในการขับขี่ของ e-Power สามารถตอบสนองได้ทันอก ทันใจวัยรุ่นเหลือเฟือต่อการใช้งาน พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกได้ 4 รูปแบบคือ

- Normal mode การขับขี่ในแบบปกติจะให้อัตราเร่งความเร็ว และการหยุดรถเทียบเท่ากับการหยุดของรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆ ไป

- S (Smart) mode เพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อนและตอบสนองอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น พร้อมการทำงานของ One-Pedal

- ECO mode ปรับการทำงาน ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองลง ทำให้เครื่องยนต์และระบบมีการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมการทำงานของ One-Pedal

- EV mode สามารถใช้งานได้เมื่อมีแบตเตอรี่เพียงพอและรถอยู่ในโหมดการขับขี่ S หรือ ECO โดยปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งแบตเตอรีอยู่ในระดับต่ำ มอบความเงียบและความประหยัดยิ่งขึ้น

 

ระบบ วัน-เพดัล (One-Pedal) จะทำงานในโหมดการขับขี่ S หรือ ECO เท่านั้น

     จุดเด่น ที่น่าสนใจอีกเรื่อง ของรถคันนี้ อยู่ที่ระบบ วัน-เพดัล (One-Pedal) ที่เป็นเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถ เร่ง ลดความเร็ว และหยุดรถได้ เพียงการใช้แป้นคันเร่งอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเมื่อขับขี่ในช่วงความเร็วต่ำแล้วจะค่อนข้างรู้สึกได้อย่างชัดเจนเมื่อเราถอนคันเร่ง เพราะตัวมอเตอร์จะทำการหน่วงจนรถค่อยๆ หยุดจนจอดสนิทได้ โดยที่เราไม่ต้องแตะเบรกใดๆ เลยเพื่อช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น

      โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับสภาพการจราจรที่ค่อนข้างติดหนัก มีการเคลื่อนที่สลับหยุดนิ่งอยู่ตลอด การใช้งาน One-Pedal จึงน่าจะเป็นอะไรที่ทำให้การขับขี่นั้นสบายมากขึ้น ไม่ต้องคอยสลับเปลี่ยนตำแหน่งเท้าเหยียบแป้นเบรกหรือคันเร่งไปมา หากแต่เมื่อรถหยุดนิ่งแล้ว การที่เราถอนคันเร่งและเปลี่ยนมาเหยียบเบรกแทนแล้ว เมื่อเราปล่อยเบรกตัวรถก็จะเคลื่อนออกไปตามปกติ

       แต่ระบบ วัน-เพดัล (One-Pedal) ใน Nissan Kicks e-Power จะทำงานในโหมดการขับขี่ S หรือ ECO เท่านั้น หากขับขี่ในโหมดปกติ Normal ที่ระบบ One-Pedal ระบบไม่ทำงาน การใช้งานแป้นคันเร่งก็จะเหมือนกับรถใช้เครื่องยนต์ปกติทั่วไป เมื่อถอนเท้าออกจากคันเร่งตัวรถก็จะยังคงไหลต่อเนื่องไปไม่มีการหน่วงความเร็วลง

 

ระบบความปลอดภัย Nissan Intelligent Mobility  14 ฟังก์ชั่น

     นอกเหนือ จาก เทคโนโลยีความปลอดภัยเซฟตี้ ชิลด์ (Safety Shield Technology) ใน Nissan Kicks e-Power  ยังติดตั้งระบบความปลอดภัย Nissan Intelligent Mobility  อีกกว่า 14 ฟังก์ชั่นประกอบด้วย

- วัน-เพดัล (One-Pedal) เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ

- เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC)

- เทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning - IFCW)

- เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB)

- เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW)

- เทคโนโลยีเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert – RCTA)

- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM)

- เทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM)

- เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror - IRVM)

- เทคโนโลยีช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)

- เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC)

- เทคโนโลยีช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (Intelligent Ride Control - IRC)

- เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Intelligent Trace Control – ITC)

- เทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert -DAA)

และยังมี ABS, EBD และ BA ดิสก์เบรก 4 ล้อ เป็นระบบมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย รวมไปถึงถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นมาตรฐานทุกรุ่น พร้อมถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านนิรภัยเป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมในแต่ละรุ่น พร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED

 

ลองขับ ON TRACK ในสนามแข่ง ปทุมธานี สปีดเวย์

        ในโหมดการขับทดสอบในสถานีที่ถูกเซ็ตขึ้นมาเพื่อให้เราได้สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ในด้านต่างๆ ของรถ Nissan Kicks e-Power  ภายในสนาม ปทุมธานี สปีดเวย์ โดยถูกแบ่งออกเป็นสถานี A ที่จะเป็นการขับทดสอบการเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน และต่อด้วยการวิ่งแบบสลาลม ทั้งหมดเพื่อดูการทรงตัวของรถ การควบคุมรถเมื่อต้องเปลี่ยนเลนกะทันหัน รวมไปถึงสมรรถนะการยึดเกาะ

    ทันทีที่กดคันเร่งออกสตาร์ทในรอบแรก ตัวรถให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงในขณะออกตัว ก่อนที่จะถึงจุดที่ต้องหักเลี้ยวเปลี่ยนเลนกะทันหัน ความเร็วอยู่ที่ประมาณ 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง การหักเลี้ยวในทันทีทันใดนี้สามารถควบคุมพวงมาลัยได้อย่างแม่นยำในทิศทางที่ต้องการ ผ่านช่องระหว่างไพลอนไปได้อย่างมั่นใจ และในจังหวะของการหักเลี้ยวเปลี่ยนเลนกะทันหันนี้ การตอบสนองของช่วงล่างค่อนข้างที่จะนุ่มแต่ไม่ไม่มีอาการโยนตัวจนรู้สึกว่าควบคุมได้ยาก

     ในสถานีย่อยแบบสลาลมที่ความเร็วที่ประมาณ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในการขับทดสอบแบบสลาลมนี้ การควบคุมพวงมาลัยหักซ้ายขวาต่อเนื่องไปมาทำได้แม่นยำ อาการตอบสนองของช่วงล่างให้ความรู้สึกมั่นใจดีแม้ว่าตัวรถจะสูง ในแบบอเนกประสงค์การทรงตัวและการเกาะถนนทำได้ดี

ส่วนในสถานี B ที่เป็นการทดสอบหลากรูปแบบขึ้นมาให้วิ่งทดสอบแบบต่อเนื่อง ตั้งแต่การทดสอบอัตราเร่งของรถ การเลี้ยวโค้งรูปแบบต่างๆ การควบคุมรถในสนาม รวมไปถึงการทดสอบสถานีย่อย Double Lane Change เพื่อดูการทรงตัวของรถ และการใช้งานตัวช่วยขับขี่ต่างๆ อีกด้วย

      การทดสอบอัตราเร่งในทางตรง นับได้ว่า Nissan Kicks e-Power ทำอัตราเร่งได้ดีมากทีเดียว โดยภาพรวม การคุมรถขับผ่านโค้งในรูปแบบต่างๆ ภายในสนาม การตอบสนองของช่วงล่าง การยึดเกาะถนน การควบคุมพวงมาลัยเป็นที่น่าประทับใจอย่างมากสำหรับรถอเนกประสงค์ที่มีความสูงแบบนี้

      ปิดท้ายในสถานี B ด้วยการผ่านสถานีย่อย Double Lane Change ด้วยความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง หลังจากขับทดสอบต้องบอกเลยว่าเราสามารถคอนโทรลรถเปลี่ยนเลนกะทันหัน 2 ครั้งต่อเนื่องได้แบบมั่นใจ การหักเลี้ยวแบบกะทันหันค่อนข้างฉับไวและคม สามมารถคุมอาการรถได้ดี ค่อนข้างมั่นใจได้เลยว่าหากเจอสถานการณ์แบบนี้จริงๆ บนท้องถนน ที่ต้องหักหลบหรือเปลี่ยนเลนกะทันหันแล้ว Nissan Kicks e-Power ก็พร้อมมอบความมั่นใจได้ในระดับที่ดี

       การทำงานของเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ที่มีหน้าที่ปั่นไฟเท่านั้น ในจังหวะที่เราเรียกกำลังเพิ่มความเร็วของรถ เครื่องยนต์ก็มีการทำงานที่แปรผันไปตามความเร็วของรถ สมรรถนะและฟีลลิ่งโดยรวม ให้อัตราเร่งจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ตอบสนองได้ทันใจ การขับขี่ควบคุมรถทำได้ง่ายด้วยน้ำหนักพวงมาลัยที่มีความคมคาย กว่าที่คิด สอบผ่านครับ แม้จะเป็นการการขับทดสอบ Nissan Kicks e-Power ในสนามแบบปิด บนถนนพื้นปูนซีเมนต์...

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

      การลองขับวันนี้ เป็นการออกงานครั้งแรกในรอบ 3 เดือนของผมฤกษ์ดีได้ลองรถครั้งแรก หลังจากหยุดไปนานในสนามปทุมธานี สปีดเวย์ และได้ลองรถ Nissan  Kicks e-Power แบบชนิดจัดเต็มครั้งแรก

  หลายคนอาจสนใจรถคันนี้ แค่ในเรื่องของระบบอีพาวเวอร์  หรือระบบ Series Hybrid ที่หลักสำคัญของรถจะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น เครื่องยนต์จะไม่มีการส่งกำลังไปที่ล้อเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์เลย แต่หลังจากการขับ สิ่งที่อยากบอกคือ Nissan  Kicks e-Power เป็นอเนกประสงค์เล็กให้ความสปอร์ต ไม่แพ้ ด้วยพวงมาลัยเฉียบคม รวมถึงช่วงล่างตอบสนองว่องไว เท่านั้นยังไม่พอ ระบบอีพาวเวอร์ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ยังตอบสนองแบบทันใจดีมาก ถ้าเทียบกับรถในเซ็กเมนต์เดียวกัน

      ส่วนใครๆ ที่เคยได้ชื่นชมระบบ e-Pedal ในรถไฟฟ้า Nissan Leaf นั้น ใน Nissan  Kicks e-Power ก็มีระบบที่มีหลักการทำงานมีความคล้ายกัน แต่จะมีจุดต่างเล็กน้อยคือในส่วนของ e-Pedal ที่จะมีระบบเบรกเข้ามาช่วยหยุดรถในช่วงความเร็วต่ำ ต่างจาก One-Pedal ที่จะไม่มีระบบเบรกเข้ามาช่วยหยุดรถใช้เพียงการหน่วงจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น

     โดยรวมเป็นรถอเนกประสงค์ ที่ขับได้สนุก คล่องตัว สมรรถนะในการขับขี่ของ e-Power ที่สามารถตอบสนองได้ทันใจ เหลือเฟือต่อการใช้งาน ฟีลลิ่งของช่วงล่างที่นุ่ม หนึบ แต่ไม่ย้วย ให้ความสบายในการขับขี่ได้ดี แม้ในสนามแข่ง ซึ่งการขับขี่ใช้งานจริงในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งรถติด เดินทางไกล ที่คาดว่าน่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้ดี ไม่แพ้กัน…