Mercedes-Benz The new E-Class ปรับลุคใหม่ หรู แรง แต่ประหยัด(ขึ้น)

  • March 18, 2021

            เป็นอีกครั้งที่มีโอกาสรับคำเชิญของทาง บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการชวนสื่อมวลชนไปร่วมทดลองขับ Mercedes-Benz The new E-Class แบบกลุ่มครบทั้ง 3 รุ่น บนเส้นทางกรุงเทพฯ – พัทยา เพื่อสัมผัสประสบการณ์พิเศษครั้งแรกของรถธงอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยยอดขายสะสมมากถึง 14 ล้านคันทั่วโลก และในประเทศไทยก็สร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน

 

เรือนร่างลงตัว ออกแบบให้ดูปราดเปรียวขึ้น

        ดีไซน์ภายนอกใหม่ของ Mercedes-Benz The new E-Class โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของชุดแต่ง AMG Body styling ที่มีการปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูล้ำสมัยยิ่งขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจาก AMG Performance Models สะท้อนเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของรถยนต์รุ่น E-Class ด้วยกระจังหน้า Diamond Radiator Grille ลงตัวด้วยไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED แบบอัจฉริยะด้วยหลอดไฟ LED จำนวน 84 หลอดต่อ 1 ข้าง ทั้งยังปลอดภัยด้วยระบบส่องสว่างระยะไกลสูงสุดถึง 650 เมตรแบบ ULTRA RANGE High Beam

        ความโฉบเฉี่ยวของรถยนต์คันนี้ยังต่อเนื่องไปที่ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 19 นิ้ว จาก AMG พร้อมความโดดเด่นของไฟท้ายแบบ Full-LED ที่ออกแบบให้เข้ากันกับกันชนท้ายและฝากระโปรงท้ายดีไซน์ใหม่ ผสานความหรูหราและความสปอร์ตเข้าด้วยกันอย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังโปร่งสบายด้วยหลังคาแก้วแบบ Panoramic Sunroof ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า

 

ห้องโดยสารหรู จัดวางอุปกรณ์ดูไฮเทค

      การออกแบบที่เติมเต็มความสปอร์ตกับชุดตกแต่งภายในแบบ AMG Interior Package แม่นยำทุกการควบคุมด้วยพวงมาลัยดีไซน์สปอร์ตใหม่แบบ 3 ก้านท้ายตัด พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control เพื่อให้ทุกการควบคุมเป็นไปตามธรรมชาติ เบาะนั่งแบบสปอร์ตเพิ่มความกระชับในทุกรูปแบบการขับขี่ พร้อมคอนโซลหุ้มด้วยหนัง ARTICO ตลอดทั้งคัน สามารถปรับอารมณ์ของรถให้เป็นไปตามความรู้สึกด้วยไฟล้อมรอบห้องโดยสารแบบ Premium Ambient Light ที่สามารถเลือกปรับได้มากถึง 64 เฉดสี และระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester Surround Sound System พร้อมลำโพงจำนวน 13 ตำแหน่ง

         ติดตั้งหน้าจอแบบ Digital Widescreen Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 หน้าจอรวมถึงฟังก์ชั่นการทำงานต่าง ๆ ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์ E-Class ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมด้วยระบบสัมผัสหน้าจอ แป้นควบคุมแบบ Touchpad และระบบสั่งการด้วยเสียงรูปแบบใหม่  นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถควบคุมรถยนต์จากระยะไกลผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยแอปพลิเคชั่น Mercedes me ไม่ว่าจะเป็นการล็อกหรือปลดล็อกรถยนต์ การเปิดและปิดกระจกรวมถึงหลังคา Panoramic Sunroof การตรวจสอบและรายงานสถานะของระบบปลั๊กอินไฮบริด การจัดการระบบเปิดแอร์ล่วงหน้า

 

2 ทางเลือก เครื่องยนต์เบนซิน ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เจเนอเรชั่นที่ 3  และ ดีเซล

         ขุมพลังของ Mercedes-Benz The new E-Class นั้นมี 2 ทางเลือก ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน แถวเรียง 4 สูบขนาด 1,991 CC ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีแบบปลั๊กอินไฮบริด เจเนอเรชั่นที่ 3 ช่วยให้รถยนต์คันนี้สามารถออกตัวได้เร็วและแรงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยแรงม้าสูงสุด 211 แรงม้า พุ่งทะยานด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 5.7 วินาที และสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลกว่า 50 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

       ส่วนอีกหนึ่งทางเลือกคือเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 1,950 CC พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้มาตรฐาน EURO6 ให้พละกำลังแรงม้ารวมสูงถึง 194 แรงม้า และให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 7.3 วินาที ถ่ายทอดพลังจากเครื่องยนต์อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากถึง 6.5% โดยสำหรับเครื่องยนต์ทั้ง 2 ประเภทยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ได้ตามแบบฉบับของคุณด้วยระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีให้เลือกทั้งหมด 6 รูปแบบด้วย

 

        ส่วนในเรื่องของระบบความปลอดภัย แม้จะตัดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติรักษาระยะห่าง Distance PILOT DISTRONIC แต่ในส่วนอื่นนั้นถือว่าให้ออพชั่นมาแบบเต็มระบบ ทั้งระบบแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนช่องจราจรแบบ Blind Spot Assist พร้อมระบบแจ้งเตือนก่อนเปิดประตูแบบ Exit Warning ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินแบบ Active Brake Assist ระบบช่วยเหลือก่อนเกิดอุบัติเหตุ PRE-SAFE® เซ็นเซอร์รอบคันจำนวน 12 จุด แบบ PARKTRONIC พร้อมระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบ Active Parking Assist และกล้องแสดงภาพรอบคันแบบ 360 องศา

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

       ต้องขอบอกว่าความสวยงามลงตัวขึ้นของรถจากหน้าตาที่เปลี่ยนไปเป็นการ Facelift ใหม่ทั้งหมดภายนอก ไฟหน้าแบบใหม่ ไฟหน้า MULTIBEAM LED กระจังหน้าแบบ Diamond Radiator Grille ฝากระโปรงหน้ามีเส้นนูน 2 เส้น  กันชนหน้าและหลังแบบ AMG Bodystyling  ส่วนห้องโดยสารดูสมราคา ภูมิฐาน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยียานยนต์ทันสมัย โดยเฉพาะหน้าจอคู่ ที่ติดตั้งให้มาแบบ Digital Widescreen Cockpit  2 หน้าจอ ที่จอแรกแสดงผลมาตรวัดแบบฟูลดิจิทัล จอที่ 2 แสดงผลระบบอินโฟฯ MBUX รุ่นล่าสุดเสริมความดูดีและมีสีสัน

       สิ่งที่น่าสนใจ ใน Mercedes-Benz The new E-Class  คือรูปแบบเครื่องยนต์เบนซินปลั๊ก-อินไฮบริด เจเนอเรชันที่ 3  ที่ใช้แบตเตอรี่ความจุมากขึ้นเป็น 13.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดย หลังจากชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง รถวิ่งด้วยโหมด EV ที่เครื่องยนต์ไม่ติดขึ้นมาเลยได้ระยะทางเกือบๆ 50 กิโลเมตร มากกว่าในรูปแบบเบนซิน ปลั๊ก-อินไฮบริด เจเนอเรชั่นก่อนหน้านี้ที่วิ่งโหมด EV ได้ 20 กิโลเมตร นั่นหมายความว่าการใช้งานในเมืองขับจากบ้านไปที่ทำงาน คุณอาจจะไม่ต้องใช้งานเครื่องยนต์เบนซิน เลยตามที่เมอร์เซเดส-เบนซ์เคลมไว้

       ที่สำคัญรถรุ่นนี้ยังขับได้ฟิลเนียนๆ กำลังรถดีกับเส้นทางกรุงเทพฯ - พัทยา เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 320 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตัน-เมตร ดังนั้น เรื่องความแรงไม่ต้องพูดเยอะเเซงทุกคันบนถนนแน่นอน กดคันเร่งหลังติดเบาะตลอด ขับได้ความแรงและประหยัดนํ้ามัน จากการสนับสนุนของมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และที่สำคัญคือ นั่งสบาย เพราะตัวรถมีความนิ่งสูง การทรงตัวหนึบแน่นแต่ก็นุ่มนวล พร้อมการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารที่เป็นเลิศ ที่ยังเป็นจุดเด่นของ E-Class ครับ...

 

Mercedes-Benz The new E-Class มีวางจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่

•              Mercedes-Benz E 300 e Avantgarde                        ราคา 3,190,000 บาท

•              Mercedes-Benz E 220 d AMG Sport                        ราคา 3,540,000 บาท

•              Mercedes-Benz E 300 e AMG Dynamic                  ราคา 3,770,000 บาท