ลองขับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ฟังก์ชั่นเด่น ขับฟิลดี ตี๋ใหญ่ในแบบอเนกประสงค์

  • June 21, 2021

        หลังจากที่ Haval H6 ใหม่คันนี้ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในบ้านเราที่งาน บางกอกมอเตอร์โชว์ 2021 และทาง GWM Thailand เผยรายละเอียดสเปกเวอร์ชั่นสำหรับวางจำหน่ายในประเทศไทย เมื่อต้องการบุกตลาดใหม่ แน่นอนว่า เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงเลือกเอารถที่ดีที่สุดในมือมาเป็นหัวหอกในการทำตลาด และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของไทยและทิศทางของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ทำให้ Haval H6 โมเดลแรกที่เปิดตัวจึงเป็น Hybrid ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นที่แรกในโลกที่เผยโฉม Haval H6 Hybrid คันนี้

 

รูปลักษณ์เรียบหรูสไตล์รถยุโรป แต่ก็ดูรู้ว่ามีเชื้อจีน

       สถิติที่น่าสนใจ ของ Haval H6 ปัจจุบันมียอดจำหน่ายสะสมตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรกมากกว่า 3 ล้านคัน และวางจำหน่ายอยู่ใน 60 ประเทศทั่วโลก โดย GWM ระบุว่า H6 ถือเป็นหนึ่งในเอสยูวีขายดีที่สุดในโลกเลยทีเดียว โดยรุ่นที่คุณผู้อ่านเห็นอยู่นี้นับเป็นเจเนอเรชั่นที่สาม

     ด้วยรูปลักษณ์ที่จัดว่ามีมิติเส้นสายที่ดูบึกบึน และมีความเรียบหรูสไตล์รถยุโรป โดดเด่นมากับกระจังหน้าหกเหลี่ยมลวดลายตะแกรงสีโครเมี่ยม พร้อมโลโก้ HAVAL ตรงกลางขนาดใหญ่ ไฟส่องสว่างแบบ LED เต็มรูปแบบ ด้านท้ายกับแถบไฟท้ายพาดยาวซ้ายจรดขวาแบบ LED Taillight Strip เด่นด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยาง 225/55 R19 มีมิติตัวรถ ยาว 4,653 มม. กว้าง 1,886 มม. สูง 1,724 มม. ระยะฐานล้อกว้าง 2,738 มม. และมีความสูงจากใต้ท้องรถ 175 มม.

       Haval H6 2021 มาพร้อมกับแพลทฟอร์ม GWM LEMON ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจฉริยะที่ผ่านการทดสอบบนถนนมากกว่า 6 ล้านกิโลเมตร และมีการทดสอบในสภาวะแวดล้อมที่สุดขั้วถึง 76 แบบ ด้วยน้ำหนักที่เบากว่าจะทำให้รู้สึกถึงประสบการณ์การขับขี่ที่น่าพึงพอใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น

      โดยรวมในแง่ของการออกแบบภายนอก ดีไซน์ Haval H6 Hybrid ถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดี พร้อมกับการเลือกใช้ชิ้นส่วนคุณภาพสูง งานดีกว่ารถจีนแบรนด์อื่นที่เมื่อครั้งอดีตที่เคยมาทำตลาดในไทยแล้วหายไป และนับเป็นรถเอสยูวีที่มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบรถในคลาสรถประเภท C-SUV ซึ่งมีคู่แข่งอย่าง MG HS, Honda CR-V, Mazda CX-5, Subaru

Forester  

ภายในแนวเรียบหรูแบบสีทูโทน พร้อมตกแต่งด้วยสี Rose Gold

         เมื่ออยู่ในตำแหน่งผู้ขับใน Haval H6 เบาะรองนั่งพนักพิงหลังและศีรษะให้ความรู้สึกผ่อนคลายดี สิ่งที่น่าสนใจคือการใช้ภายในเรียบหรูในแบบสีทูโทน พร้อมตกแต่งด้วยสี Rose Gold ลงตัวสวยงาม และหากเป็นรุ่น PRO ภายในจะมาในธีมสีดำเข้มดุ รวมทั้งมีการใช้ไฟสีแดง (Ambient Light) สร้างบรรยากาศ พร้อมระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกฝั่ง พร้อมช่องปรับอากาศผู้โดยสารแถวหลัง

         หน้าจอดิจิตอลทั้งจอกลางแบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว หน้าปัดรถดิจิตอลขนาด 10 นิ้ว และ Head Up Display (HUD) ที่เป็นจอสี แท่นชาร์จไร้สายบริเวณคอนโซลกลาง พวงมาลัยสามก้านพร้อมปุ่มควบคุม ซึ่งในส่วนของหน้าจอกลางนั้นเรียกได้ว่ารวมเอาการตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวรถมาไว้ที่จอชุดนี้เกือบทั้งหมด

 

         ทั้งในส่วนของระบบแผนที่นำทาง ระบบความบันเทิง การปรับโหมดการขับขี่ การตั้งค่ารถยนต์ต่างๆ การปรับความหนืดพวงมาลัย ระบบปรับอากาศ และส่วนของการเชื่อมต่อก็สามารถทำได้ สามารถสั่งการผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อการดูข้อมูลตัวรถ รวมไปถึงการสั่งการต่างๆ แต่ในส่วนของการเชื่อมต่อ Apple Car Play และ Android Auto ตอนนี้นั้นยังไม่สามารถใช้งานได้จนกว่าจะมีการอัพเดทออนไลน์อีกครั้ง

         จุดเด่นจุดขายของรถแดนมังกรตัวท็อปๆ ขาดไม่ได้เลยก็คือ หลังคาแบบ Panoramic กว้างกินบริเวณยาวมาถึงด้านหลัง สามารถสไลด์เปิดตอนหน้าได้ มีม่านบังแดดเปิด/ปิดได้มาให้เป็นโทนสีเดียวกับหลังคา สามารถเปิดได้ด้วยสวิตช์ที่ใกล้กระจกมองหลังและสั่งการทำงานผ่านเสียง

 

ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 1.5 ลิตร

      ในต่างประเทศ H6 จะมีเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ และ 2.0 ลิตรเทอร์โบให้เลือก แต่สำหรับ Haval H6 ที่จะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ถูกติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบซูเปอร์ชาร์จเจอร์ VGT ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดถึง 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ที่มี 2 เกียร์ด้านเครื่องยนต์ และอีก 1 เกียร์ที่มอเตอร์ขับเคลื่อน รวมถึงเพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT ซึ่งระบุว่าเพื่อรองรับการขับขี่ที่หลากหลายและช่วยลดอัตราสิ้นเปลือง

         นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกระบบส่งกำลังไฮบริดได้ 4 แบบ ได้แก่ โหมดมาตรฐาน / โหมดสปอร์ต / โหมดประหยัด / โหมดสภาพถนนลื่น เพื่อตอบสนองการขับขี่ในสภาพถนนที่แตกต่างกัน ช่วยให้ผู้ขับสามารถเลือกประสบการณ์การขับขี่ได้ตามความต้องการและเหมาะสมกับการเดินทางโดยมีประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดและกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

        ส่วนไฮไลท์เด่นอีกเรื่องอยู่ที่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 2 ของ Haval H6 ประกอบด้วย 22 ฟังก์ชั่น โดยมีระบบที่น่สนใจในรถคลาสนี้ คือ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (Integration Auto Parking) ทั้งการจอดเข้าซอง, จอดขนาน และจอดตามแนวเฉียง รวมถึงระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ Auto Reversing Assistant ที่สามารถจดจำเส้นทางที่ขับผ่านได้สูงสุด 50 เมตร (ด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง) และสามารถถอยหลังกลับตามเส้นทางดังกล่าวได้อัตโนมัติ และอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ไม่ค่อยพบเห็นนักคือ ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (Wisdom Dodge System) โดยจะทำการเบี่ยงเลนเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างรถบรรทุกด้านข้าง และจะกลับเข้าสู่กลางเลนอัตโนมัติเมื่อแซงพ้นเรียบร้อยแล้ว

 

 

ลองขับรุ่น Ultra ตัวท็อป ของ Haval H6 เพื่อทดสอบสมรรถนะการขับขี่

       กิจกรรมการทดสอบรถในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการในประเทศไทยกับกิจกรรมทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์  นำสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะของตัวรถภายใต้แนวคิด “DRIVE TO A NEW xEV WORLD” บนเส้นทางกรุงเทพฯ – ชลบุรี เพื่อทดสอบสมรรถนะรถยนต์รุ่น Ultra ซึ่งเป็นรุ่นที่มีสเปคสูงสุดของ All New HAVAL H6 Hybrid SUV

          แม้เราจะยังไม่ได้ยลโฉมรุ่นย่อย Pro ที่เป็นตัวรอง แต่ทาง GWM ก็ให้ข้อมูลอุปกรณ์มาเพื่อการเปรียบเทียบ ตัวท็อปอย่าง Ultra นี้ สิ่งที่มองเห็นจากภายนอกว่าต่างจากรุ่น Pro ก็มีทั้งกระจังหน้ารุ่น Pro จะเป็นสีดำ รุ่น Ultra เป็นโครเมี่ยม

        รุ่น Ultra มีไฟตัดหมอก LED  ล้ออัลลอย ของรุ่น Pro เป็นล้อขอบ 18 ลาย Astrolabe ส่วนรุ่น Ultra เป็นขอบ 19 ลาย Vortex และหลังคา Panoramic มีเฉพาะรุ่น Ultra แต่ในทุกรุ่นย่อยถูกติดตั้งถุงลมนิรภัย 6 ใบ มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

       ส่วนในกิจกรรมการทดสอบรถในครั้งนี้ มี มร.สตีเฟ่น หวัง รองประธานฝ่ายขายและการตลาด นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ มร.เบ็น หวัง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และนายจิรศักดิ์ ชื่นอารมย์ รองผู้อำนวยฝ่ายการฝ่ายการตลาด พร้อมด้วยทีมผู้บริหารจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย มาร่วมเปิดงานและกล่าวบรรยายข้อมูลที่น่าสนใจของ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ให้กับคณะสื่อมวลชน

        ก่อนที่จะเดินทางจากใจกลางถนนสุขุมวิท กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการจราจรคับคั่ง เพื่อทดสอบความคล่องตัวของระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะบนเส้นทางในเมือง จากนั้นต่อด้วยการทดสอบอัตราเร่งและสมรรถนะการขับขี่บนออนโรด เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดสอบระบบต่างๆ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ (TJA) ที่ทำงานตามความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ และจะตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย พร้อมระบบช่วยหยุดรถยนต์และออกตัว (Stop-and-go) เพิ่มความสะดวกสบายในการขับรถสำหรับย่านที่มีการจราจรพลุกพล่าน

       นอกจากนี้ สื่อมวลชนยังมีโอกาสได้ทดลองระบบการช่วยเหลือการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) รวมถึงระบบระบบเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ต่างๆ ภายในรถ ที่รองรับทุกการเดินทางทั้งในเมืองและต่างจังหวัดได้เป็นอย่างดี

        นอกจากนี้ เมื่อเข้าสู่ช่วงสะพานชลมารควิถี สื่อมวลชนสามารถเพลิดเพลินไปกับการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดด้วยฟังก์ชั่นอัจฉริยะ ทั้งการโต้ตอบด้วยเสียงอัจฉริยะผ่าน AI หรือเชื่อมต่อความบันเทิงไปพร้อมกับอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับการนำทางและจุดหมายปลายทาง

 

ทดสอบสมรรถนะการขับขี่และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ผ่าน 5 สถานี ที่ สนามบินหนองค้อ

        จากการทดลองขับแบบชมทิวทัศน์ที่เปลี่ยนผ่านจากตัวเมืองสู่จังหวัดชลบุรีบนทางด่วนบูรพาวิถีจรดเส้นทางเลียบชายหาดบนสะพานชลมารควิถี 84 พรรษา จนเข้ามาเปลี่ยนโหมดสู่สนามทดสอบระบบปิดเพื่อทดสอบเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ จากเกรท วอลล์ มอเตอร์ ซึ่งได้จัดเตรียมเป็นพื้นที่ทดสอบสมรรถนะหลากหลายรูปแบบที่สนามบินหนองค้อ เพื่อลองระบบการขับขี่อัจฉริยะที่ตืดตั้งมาให้ในรถผ่าน 5 สถานีทดสอบคือ

1. สถานีทดสอบอัตราการเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และการเข้าโค้งอัจฉริยะ (Torque (0-100 km/hr) and Intelligent Cornering) 

       เป็นสถานีที่ได้ลองสมรรถนะและความแรงของรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 243 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร และทดสอบการเข้าโค้งของรถเมื่อขับผ่านทางโค้ง โดยกล้องจะทำการตรวจสอบโค้งถนน เพื่อให้ความเร็วถูกปรับอัตโนมัติให้เหมาะสมสำหรับการเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย เมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้

   2. สถานีทดสอบระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA : Auto Reversing Assistance)

     ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของการทดสอบเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของ HAVAL H6 Hybrid SUV โดยรถยนต์จะสามารถจดจำเส้นทางที่ขับผ่านด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้สูงสุด 50 เมตร และสามารถถอยหลังกลับอัตโนมัติตามเส้นทางได้อย่างราบรื่น วิธีกดใช้งานก็แค่กดปุ่ม P เหมือนตอนจะใช้ระบบจอดอัตโนมัติ แต่กดเลือกระบบถอยรถอัตโนมัติบนจอกลางแทน จากนั้นรถจะถอยให้ แม้จะช้าแต่ก็แม่น และมีตัวเลข Countdown ให้ดูด้วยว่ามันจะถอยให้คุณได้อีกกี่เมตร ซึ่งความล้ำของระบบนี้ คือการช่วยถอยรถให้คุณโดยไม่ต้องแตะอะไรเลย เหมาะสำหรับการถอยหลังในพื้นที่แคบ รวมถึงมีระบบช่วยจอดอัตโนมัติโดยไม่ต้องอาศัยการควบคุมของผู้ขับขี่เลยแม้แต่น้อย

  3. สถานีทดสอบระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP Integration Auto Parking)

       ด้วยกล้อง 360 องศา และเซ็นเซอร์อัลตราโซนิคช่วยให้ All New HAVAL H6 Hybrid SUV สามารถค้นหาที่จอดรถ คำนวณพื้นที่สำหรับจอดรถได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถช่วยจอดได้ทั้งในรูปแบบการถอยเข้าช่องจอด การจอดขนานเส้นทางเดินรถและการจอดตามแนวเฉียง 

         เป็นอีกระบบทีมีเฉพาะในรุ่น Ultra สิ่งที่คุณจะได้ และถือว่าเป็นรถรุ่นแรกในคลาสนี้จากฝั่งเอเชียที่มีอุปกรณ์นี้ให้ลูกค้า การใช้งานก็ไม่ยากครับ พอเราเข้าใกล้จุดที่ต้องการให้ระบบเริ่มค้นหาที่จอด ก็กดปุ่ม P ที่สวิตช์คอนโซลกลาง กดปุ่มจอดอัตโนมัติบนจอ ให้ระบบเริ่มเปิดระบบสแกนเนอร์ ระบบจะแสดงสี่เหลี่ยมสีเขียวมีตัว P บนจอ คุณก็เอานิ้วจิ้มตำแหน่งที่ต้องการจอดได้เลย จากนั้นปล่อยมือจากพวงมาลัย ปล่อยเท้าจากแป้นต่างๆ รถจะจัดการเองโดยที่คุณไม่ต้องคุมเบรก ไม่ต้องคอยเปลี่ยนเกียร์เดินหน้าถอยหลัง

4. สถานีทดสอบระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA+RCTB Rear Cross Traffic Alert and Rear Cross Traffic Breaking)

        ระบบจะช่วยทำการแจ้งเตือนในขณะที่ถอยรถ โดยจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ที่เข้าใกล้บริเวณด้านหลังรถ และด้านซ้าย-ขวา และเมื่อตรวจพบความผิดปรกติระบบจะทำการส่งสัญญาณเตือนและเบรกให้อัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการชน

  5. สถานีทดสอบระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC : Adaptive Cruise Control)

         ทดสอบการใช้งานกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ Q4 ของโมบายอาย (EYEQ4) ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดตามที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า

        ปิดท้ายในเรื่องการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าในอนาคตทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะมีการรับประกันคุณภาพตัวรถ Haval H6  (Factory Warranty & Roadside Assist) ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร และการรับประกันแบตเตอรี่แบบไม่จำกัดระยะทางนานถึง 8 ปีเต็ม

       โดยปัจจุบันทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีแผนเปิด Partner Store ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยจะมีโชว์รูมและศูนย์บริการกว่า 17 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล, ชลบุรี, ระยอง, เชียงใหม่, ขอนแก่น, นครราชสีมา, สงขลาและภูเก็ต พร้อมทั้งระบุว่ามีแผนที่จะเปิด Partner Store และ GWM Store ซึ่งเป็นโชว์รูมของ Great Wall Motor รวมทั้งสิ้นกว่า 30 แห่งภายในปีนี้

       ทั้งหมดถือเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจของ Haval H6 กับการทดสอบสมรรถนะการขับขี่ครั้งแรกอย่างเป็นทางการในประเทศไทย รวมไปถึงช่วยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคเพื่อประกอบการตัดสินใจ ก่อนที่เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะมีการเปิดราคารถยนต์ Haval H6 อย่างเป็นทางการในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 นี้ครับ

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

       Haval เป็นแบรนด์ SUV ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในจีนครับ นับตั้งแต่ช่วงแรกที่เปิดค่าย ผันตัวมาเป็นผู้เล่นระดับโลกที่มีเครือข่ายจำหน่ายใน 60 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันหากวัดชื่อชั้นในแบรนด์ที่เก่ง SUV ก็ไม่ธรรมดา ถือว่ามีความพร้อมและความถนัดในการผลิตรถยนต์แบบอเนกประสงค์ SUV

        การปักหมุดของทาง GWM Thailand ในบ้านเรา ที่มีการประกาศว่าจะนำแบรนด์ Haval และ ORA เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย พร้อมทั้งระบุว่าจะประเดิมด้วยเอสยูวี Haval H6 และรถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat เป็น 2 รุ่นแรก จากนั้นจึงจะตามมาด้วยรถอีกแบรนด์ละรุ่นภายในปี 2564 นี้ อีกทั้งยังมีแผนเตรียมทยอยเปิดตัวรถรุ่นใหม่ให้ได้ครบทั้งสิ้น 9 รุ่น ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น สำหรับการเอาจริงของทุนจีนในธุรกิจยานยนต์บ้านเรา

       ด้วยรายละเอียดสเปกเวอร์ชั่นสำหรับวางจำหน่ายในประเทศไทยที่ชูจุดเด่นด้วยเครื่องยนต์เบนซินไฮบริดเทอร์โบซูเปอร์ชาร์จเจอร์ 1.5 ลิตร, ระบบช่วยขับขี่ LIFE+ พร้อมระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 2 รวมถึงอุปกรณ์มาตรฐานล้ำสมัยมากมายทั้งภายนอกและภายใน ระบบเสริมความปลอดภัยจัดให้มามากที่สุดในรถระดับนี้ และเป็นผู้บุกเบิกรายแรกของคลาสในการนำระบบเตือนพร้อมเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลังเมื่อมีวัตถุเคลื่อนที่มาทางด้านหลัง, ระบบถอยหลังออกจากซอยตันอัตโนมัติ, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติทั้งแนวนอน เข้าซองและแนวทแยงทำให้เอสยูวีสัญชาติจีนแท้ๆ คันนี้จะมีจุดเด่นที่น่าสนใจ

       ในเรื่องการขับทดสอบสิ่งที่ผมรู้สึกว่ารถคันนี้ ทำได้ดีกว่าที่คิดคือ ฟีลลิ่งในการขับขี่ที่คล่องตัวมากทีเดียว ความแม่นยำของพวงมาลัย อัตราเร่ง การตอบสนองของคันเร่งและเครื่องยนต์ รวมถึงระบบช่วงล่างและเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ตัวรถที่มีการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน และเครื่องยนต์ก็ทำงานในหน้าที่ของการปั่นไฟเป็นหลักด้วย ซึ่งตัวแบตเตอรี่ไฮบริดให้มาขนาด 1.6 kwh ติดตั้งอยู่บริเวณที่เก็บสัมภาระท้ายส่วนพื้นด้านล่าง พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ

       ส่วนช่วงล่างมาในทางนุ่มด้านหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบมัลติลิงค์ ตัวรถมีความนิ่งดีในระดับหนึ่งและไม่แข็งกระด้าง การขับขี่ในเมืองเองที่ความเร็วไม่ได้สูงนั้นค่อนข้างให้ความรู้สึกที่สบายเลยทีเดียว ส่วนด้านระบบเบรกของตัวรถเป็นดิสก์เบรกสี่ล้อ น้ำหนักของแป้นเบรกกำลังดี การชะลอรถหรือเบรกหยุด กะระยะได้ง่าย ให้ความนุ่มนวลกับผู้โดยสารได้ดี เบรกรถหยุดสนิทมั่นใจและเอาอยู่

        Haval H6 2021 ใหม่ เป็นรถเอสยูวีที่ใครหลายคนกำลังรอลุ้นราคาจำหน่าย เพราะถือเป็นรถรุ่นแรกของค่าย Great Wall Motor ที่จะบุกเข้ามาตีตลาดไทย และกลยุทธ์ด้านราคาจำหน่ายยังเป็นสิ่งที่ชี้วัดถึงอนาคตของแบรนด์ต่างๆ ในเครือ GWM ที่จะตามเข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า ORA, รถกระบะ POER และเอสยูวีระดับพรีเมียมอย่าง WEY อีกด้วย

       แต่ท้ายที่สุดส่วนตัวผมมองว่า สำคัญกว่าเรื่องราคาก็คือ เรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจระยะยาวแล้วครับ ที่จะบอกอนาคตของแบรนด์นี้ ว่าจะไปได้รุ่งแค่ไหน รถจะจุกจิกหรือไม่ การบริการหลังการขายเป็นอย่างไร ที่ในฐานะน้องใหม่อย่าง GWM คงต้องให้เวลาเขาพิสูจน์ตัวเองสักระยะในการยืนหยัดในวงการรถยนต์บ้านเราครับ