HONDA CR-V MODERN FAMILY SUV i-DTEC TURBO 160 แรงม้า…มาในแบบดีเซล

  • June 07, 2017

 

        ผมลองขยับปรับตำแหน่งพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นใน ซีอาร์-วี ใหม่ ก่อนจะนั่งประจำการขับทดลองสมรรถนะของ SUV ใหม่ล่าสุดของฮอนด้าคันนี้ บนเส้นทางลัดเลาะเลียบชายทะเล จากโรงแรมเรเนซอง หาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต ยาวผ่านไปจนถึงคุระบุรี รีสอร์ท ที่ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

        ต้องขอบอกว่า ซีอาร์-วี ใหม่ ในโฉมเจเนอเรชั่นที่ 5 นี้ นับเป็นความคาดหวังใหม่ของฮอนด้า ในการพัฒนานำเสนอคุณค่าและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าทั่วโลก ที่เปลี่ยนไปจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาให้ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ เป็นยนตกรรม SUV ที่จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด SUV อีกครั้ง ทั้งในด้านภาพลักษณ์การออกแบบ สมรรถนะการขับขี่และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ล้ำสมัย

      แน่นอนว่าเอกลักษณ์ของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ยังถูกเก็บรักษาไว้ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ทำการสร้างสรรค์ให้มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน ด้วยปรัชญาที่เรียกว่า SHU-HA-RI ที่ถูกนำมาใช้ในเรื่องของการเรียนรู้เป็นขั้นตอน ซึ่งเป็นปรัชญาแห่งการเรียนรู้แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ด้วยการเสริมจุดเด่นของฮอนด้า ซีอาร์-วี ที่สะดวกสบายต่อการใช้งาน และตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม และพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางที่มาพร้อมขนาดตัวถังที่เหมาะสม ความปราดเปรียวของดีไซน์ภายนอกและสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง และความหรูหราจากฟังก์ชั่นและอุปกรณ์การใช้งานที่พรีเมี่ยม

 

ดีไซน์ใหม่รอบคันแบบ “Modern Functional Dynamic”

  สีเขียวดาร์กโอลีฟ (เมทัลลิก) สีใหม่ล่าสุดที่มาในแนวคม เข้ม ดึงดูดสายตาผู้คนที่ผ่านไป-มาตลอด 2 ข้างทาง การทดสอบดีไซน์ที่ถูกปรับใหม่รอบคัน บนพื้นฐานของรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ ในแนวคิด “Modern Functional Dynamic” ที่สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแรงและสปอร์ต แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา ไฟหน้าและไฟท้ายใหม่แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Light–DRL) เพิ่มความแข็งแกร่ง ดุดัน ด้วยกระจังหน้าแบบโครเมี่ยมที่ได้รับการออกแบบด้วยเส้นสายที่เฉียบคม

       ส่วนตัวถังด้านหน้าได้ถูกออกแบบให้ยาวขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์ โอเวอร์แฮงค์ด้านหลังสั้นลง และเพิ่มระดับความสูงของพื้นที่ใต้ท้องรถ อีกทั้งการออกแบบซุ้มล้อให้มีความสปอร์ต ขยายระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น เพื่อมอบความกว้างขวางในพื้นที่เบาะหลัง

 

ระบบเกียร์ไฟฟ้า (Shift by Wire) และเบาะโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง

        แป้นระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ใน ซีอาร์-วี ใหม่ ช่วยให้การใช้งานระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire) ทำได้อย่างสะดวกสบาย และง่ายในการเปลี่ยนเกียร์ขณะขับขี่

        มาตรวัดที่ดูทันสมัยด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย โดยสามารถเปลี่ยนข้อมูล และค้นหาตัวอักษรได้ง่ายด้วยปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย และระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ควบคุมฟังก์ชั่นความบันเทิง พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)

      เพราะในเรื่องความสวยงามและความอเนกประสงค์ ยังเป็นเรื่องที่ทางฮอนด้าให้น้ำหนักอย่างมากในการออก แบบ เพื่อให้ห้องโดยสารมาพร้อมความหรูหรา กว้างขวาง และเปี่ยมด้วยประโยชน์ใช้สอย เพราะ ซีอาร์-วี ถือเป็นรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของพื้นที่ห้องโดยสารในทุกเจเนอเรชั่น

       จึงนับเป็นครั้งแรกที่ทางฮอนด้าได้พัฒนาเบาะโดยสาร 3 แถว แบบ 7 ที่นั่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทย โดยสะท้อนความหรูหราผ่านเบาะหนังสีดำ แผงคอนโซลด้านหน้าขนาดใหญ่ที่ตกแต่งเส้นสายด้วยลายไม้และวัสดุสี Piano Black ผ่านเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ i-Dual Zone สำหรับผู้โดยสารแถว 2 และ 3 อีกทั้งยังติดตั้งช่องเชื่อมต่อ USB ช่องเชื่อมต่อ HDMI และช่องจ่ายไฟสำรอง เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกตำแหน่ง

 

เครื่องยนต์ใหม่ ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO และเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด

       ใน ซีอาร์-วี โฉมนี้ ทางฮอนด้าเอง จัดเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล เพื่อสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อได้ลองกดระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ (One Push Ignition System) โดยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม (Earth Dreams Technology) ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ ทำงานคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ให้ทั้งอัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 18.9 กิโลเมตร/ลิตร

        หลักการของเครื่องยนต์ i-DTEC DIESEL TURBO รุ่นนี้ จะมีระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ 2 จังหวะ (2-stage Turbocharger) ผสานการทำงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งชุดเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทำงานในช่วงแรงดันสูง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทำงานในช่วงแรงดันต่ำ โดยจะทำงานร่วมกันตั้งแต่รอบต้นที่ต้องการอัตราเร่งเพื่อใช้ในการออกตัว เพื่อช่วยในการตอบสนองต่ออัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจในช่วงรอบต้น

       ส่วนเมื่อต้องการอัตราเร่งในช่วงความเร็วสูง Low Pressure Turbo จะช่วยเสริมการทำงานเพื่อให้ได้กำลังและแรงบิดที่สูงขึ้นในการขับขี่ โดยจะมีการสลับการทำงานในช่วงกลางที่ความเร็วคงที่ เพื่อการเผาไหม้อย่างสูงสุดและการระบายความร้อนของ Intercooler ที่ดีขึ้น อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอัตราที่ต่ำเพียง 141 กรัม/กิโลเมตร

      ในระบบชุดเกียร์นี้ยังได้รับการออกแบบให้มีอัตราทดเกียร์ที่รองรับการใช้งานจริงในทุกสภาพการขับขี่ ด้วยอัตราทดเกียร์ที่มากขึ้นถึง 9 สปีด จะช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ให้อัตราเร่งที่ดีตั้งแต่การออกตัว และยังได้ความสนุกจากการเชนเกียร์ ที่ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์แบบก้าวกระโดดจากเกียร์ 9 มายังเกียร์ 5 และจากเกียร์ 7 มาเกียร์ 4 โดยไม่ต้องไล่ระดับ

 

        หันกลับมาในส่วนเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม (Earth Dreams Technology) ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ก็ให้คาแร็คเตอร์อีกแบบ เน้นอารมณ์ความนุ่มนวลในการเดินทาง

        การตอบสนองการขับขี่ทำได้อย่างดีเยี่ยมมีทางเลือกที่หลากหลายทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ E-DPS ที่ทำงานโดยเปลี่ยนการควบคุมการส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยระบบไฟฟ้า โดยจะทำงานควบคู่กับระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) และระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย (MA-EPS) โดยระบบจะสั่งการทำงานให้เหมาะสม เช่น ในช่วงออกตัวบนถนนลื่น ระบบจะทำการลดอัตราการหมุนของล้อหน้าให้ทำงานน้อยที่สุด หากระบบตรวจพบว่ารถกำลังขึ้นทางลาดชัน จะทำการส่งกำลังไปยังล้อหลังมากขึ้น เพื่อให้ผู้ขับขี่มีเวลาที่จะกดคันเร่งและออกตัวอย่างนุ่มนวลโดยที่รถไม่ถอยหลัง

 

เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งาน รับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

        ในส่วนของฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบแฮนด์ฟรี พร้อมควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมท และสามารถปรับระดับความสูงของการเปิดฝากระโปรงท้ายได้ 3 ฟังก์ชั่นในการทำงาน ทั้งการสั่งหยุดและค้างฝากระโปรงท้าย หากต้องจอดรถในพื้นที่แคบ เช่น กรณีจอดรถใกล้กับกำแพง / การกำหนดระดับความสูงของการเปิด เพิ่มความสะดวกให้ผู้ขับขี่ในการ

       ส่วนการเปิดฝากระโปรงในโรงรถที่มีเพดานต่ำก็สามารถกำหนดความสูงในระดับที่ต้องการได้ / การเปิดฝากระโปรงหลังแบบไม่ต้องใช้มือ เป็นระบบที่ช่วยทำให้การเปิดฝากระโปรงท้ายด้วยการยื่นเท้าเข้าไปใต้กันชน เหมาะสำหรับการที่ผู้ใช้รถแบกของหรือสัมภาระมายังรถและไม่สามารถใช้มือกดเปิดได้ โดยระบบนี้สามารถทำงานได้เพียงแค่คุณมีกุญแจรถอยู่ที่ตัว

           ในเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัย ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) ระบบจะตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัย และระบบจะทำการแจ้งเตือนด้วยเสียงและการสั่นเตือนที่พวงมาลัย

        ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (AHA) และระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย (MA-EPS) ให้การทรงตัวขณะขับขี่ที่ดีเยี่ยมทั้งการเลี้ยวและการเข้าโค้ง ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย โดยใช้กล้องจับภาพและแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 7 นิ้ว และระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB) เป็นระบบที่ใช้งานง่ายเพียงดึงสวิตช์ที่คอนโซลกลางขึ้นเมื่อต้องการใช้เบรกมือ และระบบจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง

            ควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้งได้ดีด้วยระบบช่วย (VSA) ช่วยป้องกันการลื่นไถลออกทางด้านข้าง และระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) เมื่อรถยนต์จอดอยู่ทำให้รถสามารถหยุดนิ่งในตำแหน่งเดิมได้ประมาณ 1 วินาที ขณะที่มีการเคลื่อนย้ายเท้าจากเบรกมาที่คันเร่ง และช่วยให้การออกตัวมีความนุ่มนวลมากขึ้น

ราคา HONDA CR-V 4 รุ่น

         • DT-EL 4WD                            1,699,000 บาท

        • DT-E                                         1,549,000 บาท

        • 2.4 EL 4WD                             1,549,000 บาท

       • 2.4 E                                          1,399,000 บาท

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

        การทดสอบฮอนด้า ซีอาร์-วี  ใหม่ ในรูปแบบของรถยนต์แบบ SUV ที่ทางฮอนด้าภูมิใจนำเสนอโฉมนี้ นับเป็นพัฒนาการสู่เจเนอเรชั่นที่ 5 ของ ซีอาร์-วี ที่มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงในหลายๆ จุด แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ในเรื่องของความสะดวกสบายในการใช้งาน และตอบสนองรูปแบบการขับขี่ในแบบ SUV สไตล์ครอบครัวยุคใหม่

        ความโดดเด่นของรูปลักษณ์ที่มีความปราดเปรียวในเรื่องของดีไซน์ การออกแบบระยะ Overhang ทั้งด้านหน้าและด้านหลังให้สั้นลง ทำให้ตัวรถดูมีขนาดสมส่วนไม่ใหญ่เทอะทะ ส่วนการเพิ่มระดับความสูงของพื้นที่ใต้ท้องรถเพิ่มขึ้น ก็ช่วยในเรื่องของการข้ามผ่านอุปสรรคและดูลงตัวในรูปแบบของรถ SUV

       ห้องโดยสารนั้นยังเป็นคอนเซปต์แบบฉบับฮอนด้า หรูหรา น่าใช้ กว้างขวางครับ และก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่พัฒนาปรับ เบาะนั่งโดยสารให้เป็นแบบ 3 แถว และก็นั่งได้ถึง 7 ที่นั่ง โดยเบาะแถวหลังผู้ชายไซซ์มาตรฐานชายไทยอย่างผมนะครับ ความสูง 175 เซนติเมตร ก็อาจจะนั่งได้ครับ แต่ไม่ถึงกับสบายมากนัก ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 2 พื้นเรียบและก็มีชุดแอร์แบบแยกส่วนติดตั้งมาให้

       ส่วนจุดเด่นของ ซีอาร์-วี  ในโฉมนี้อยู่ที่เครื่องยนต์ครับ เพราะเครื่องยนต์มีให้เลือกหลากหลายทั้งแบบดีเซลขนาด 1.6 ลิตรที่เรียกว่า i-DTec Diesel Turbo กำลัง 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที กับร้านแรงบิด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที จากการขับทดสอบบนเส้นทางกว่า 400 กิโลเมตร จากโรงแรมเรเนซอง ที่หาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต ข้ามสะพานรักสารสิน ผ่าน อำเภอท้ายเหมือง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และวิ่งทดลองสมรรถนะยาวจนไปเกือบจะถึงจังหวัดระนอง และมุ่งหน้าย้อนกลับบนเส้นทางเดิม ที่มีทั้งทางเรียบ บนถนนหลวงและทางขึ้น-ลงเขาที่มีความคดเคี้ยว

        การใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงค์ที่มีการปรับแต่งเป็นพิเศษด้วยชุดโช้กอัพที่มีแรงเสียดทานต่ำ และเหล็กกันโคลงด้านหน้า-หลัง จะช่วยให้รถยนต์สามารถทรงตัวและการยึดเกาะถนนในขณะเข้าโค้งที่ดีเยี่ยม พร้อมการตอบสนองต่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย ทั้งในด้านการทรงตัวและการลดเสียงต่างๆ  

        ในเรื่องพละกำลัง เครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีมนี้ ก็ทำงานได้ดีไม่แพ้เครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ ให้ความต่อเนื่องและรวดเร็วของกำลังเครื่องยนต์ ให้อารมณ์แบบสปอร์ตเบาๆ สมูธและนุ่มนวล ทั้งการออกตัว การเร่งแซง เพราะจุดเด่นของเครื่องมีตัวช่วยจากเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ 2 จังหวะ ที่สลับกันทำงาน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์และก็ทำให้ได้กำลังแรงบิดที่สูงขึ้น ทำงานเข้ากันดีกับชุดเกียร์ที่เป็นแบบระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ที่เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าและมีแป้นควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ที่กึ่งกลางคอนโซลก็ดูแปลกตาดีนะครับสำหรับการใช้งาน และก็ดูหรูหราทันสมัยไปอีกแบบหนึ่ง

ส่วนใน ซีอาร์-วี  โฉมขนาดเครื่องยนต์เบนซิน2.4 ลิตร ก็อยู่ภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีมเช่นกัน แต่กำลัง 173 แรงม้า จะมาคู่กับเกียร์ CVT ที่เน้นความนุ่มนวลในเรื่องการส่งกำลัง อรรถรสความมันส์ในการขับจึงอาจไม่ใช่คำตอบในตัว 2.4 เบนซิน 

        ในส่วนของระบบความทันสมัยและช่วยอำนวยความสะดวกสบายในโฉม 1.6 ดีเซล ก็มีทั้งในส่วนของฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติที่สามารถกดปิดและเปิดได้ด้วยรีโมท แล้วก็ยังสามารถปรับความสูงของฝากระโปรงท้ายได้ตามที่เราต้องการและสั่งงาน เช่น เวลาเราจอดในที่แคบ หรือในโรงรถ หรือใกล้กับกำแพง สามารถกำหนดระดับความสูงของการเปิดได้ ซึ่งก็น่าจะถูกใจคุณสุภาพสตรีครับ ส่วนการเปิดกระโปรงท้ายหลังแบบไม่ต้องใช้มือ หรือคือการยื่นเท้าเข้าไปใต้ท้ายรถ โดยมีเซ็นเซอร์จับสัญญาณให้เราเปิดได้โดยไม่ต้องใช้มือ ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

         ส่วนในเรื่องของเทคโนโลยีความปลอดภัยก็มีทั้งระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับ และก็มี Honda LaneWatch ที่ช่วยลดจุดบอด โดยเป็นการแสดงภาพมุมอับเมื่อเปลี่ยนเลนผ่านหน้าจอ 7 นิ้ว ที่คอนโซลกลาง รวมทั้งเบรกมือแบบไฟฟ้า

        ในส่วนของเรื่องราคาที่หลายคนบ่นว่าแอบแรงแพงไปหน่อย แต่โดยรวมต้องบอกว่าชั่วโมงนี้ ซีอาร์-วี เป็น SUV ที่มาแรง แซงทางโค้ง เพราะตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นการเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2560 ที่ผ่านมา และตั้งเป้าไว้ที่ 15,000คัน จนถึงวันนี้ยังไม่ครบ 3 เดือนดี ยอดจองก็ปาเข้าไป 4,000 คันแล้ว มีแววครับว่าอนาคตน่าจะสดใสกับฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ในตลาด SUV บ้านเรา