BMW ISETTA 300 ยิ่งจิ๋วยิ่งเจ๋ง.. กับเก๋งทรงไข่ค่ายใบพัดสีฟ้า

  • April 08, 2017

 

1961  

BMW Isetta 300

ยิ่งจิ๋วยิ่งเจ๋ง..กับเก๋งทรงไข่ค่ายใบพัดสีฟ้า

     หากหมุนนาฬิกาย้อนกลับไปในปีคริสต์ศักราช 1950 บนแผ่นดินยุโรปภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบสิ้นลง ด้วยความจำเป็นทางด้านเศรษฐกิจ และราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงรถยนต์จิ๋วซีซีต่ำ ไมโครคาร์ (Micro Car) จึงถือกำเนิดขึ้นด้วยราคาไม่แพงจึงตอบโจทย์ประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาข้าวยากหมากแพงดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

     ด้วยความช่างคิดของ Mr.Renzo Rivolta ที่ปิ๊งไอเดียที่ยังไม่มีใครเคยทำนั่นคือ นำเครื่องยนต์ขนาดเล็กของรถสกู๊ตเตอร์มาใส่ในยานพาหนะ 4 ล้อขนาดเล็กแทน ซึ่งทำให้รถมีราคาที่ไม่สูงเกินไป แต่สามารถใช้งานได้เหมือนรถยนต์ เพราะต่างกันแค่นั่งได้ 2 คนเท่านั้น น่าจะทำออกมาขายได้ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นก่อร่างสร้างโครงการของเจ้าไข่น้อย BMW Isetta 300

      ด้วยรูปแบบตัวถังที่ดูเล็กกะทัดรัดน่ารัก มีที่นั่งเพียงแถวเดียวซึ่งนั่งได้ 2 คน อีกทั้งยังแปลกใหม่ในยุคนั้นกับรูปทรงเหมือนไข่เป็ดมองเผินๆ จึงดูเหมือนเป็นรถ 3 ล้อ ซึ่งการออกแบบให้ล้อคู่หลังอยู่ใกล้ชิดกันก็เพื่อประคองรถให้ทรงตัวได้ และไม่ล้อง่ายเวลาเลี้ยวหรือเข้าโค้ง แต่ที่สะดุดตามากกว่านั้นคือ ประตูที่เปิดออกจากทางด้านหน้าตัวรถ แถมมือจับเปิดประตูยังดูเหมือนมือจับเปิดตู้เย็นอีกต่างหาก

     ในบ้านเรา คุณภัทร ศศิวิมลกุล…ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีความหลงใหลในเจ้าไข่น้อย BMW Isetta 300 รุ่นนี้

      “จริงๆ แล้ว ผมเริ่มต้นเริ่มเล่นจากมอเตอร์ไซค์ก่อน จากที่ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น แต่เห็นเพื่อนข้างบ้านซื้อมอเตอร์ไซค์ BMW แล้วดูสวยเตะตา ก็เลยไปหามอเตอร์ไซค์โบราณยุค 60 มาเล่นบ้าง แล้วก็ค่อยค่อยศึกษามาจนทุกวันนี้มีมอเตอร์ไซค์โบราณมา 3 คันแล้ว”

     ส่วนความเป็นมาของเก๋งทรงไข่คันนี้ คุณภัทรเล่าว่า “บังเอิญไปได้ไปรู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งที่เขามีรถรุ่นนี้เก็บและเป็นรถที่มีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย พอเขาบอกขายมาปุ๊บผมก็ซื้อมา 10 ปีแล้ว”

      บอกตรงๆ คือ ผมชอบทั้งสีก็ดี ลักษณะของรถถูกใจหมด ดูเผินๆ เหมือนเป็นรถ 3 ล้อ แต่ที่จริงมันเป็นรถ 4 ล้อนะครับ เพียงแต่ล้อคู่หลังอยู่ชิดกัน เพื่อประคองให้รถทรงตัวได้ และไม่ให้ล้อซ้ายและขวาหมุนเร็วต่างกันมากนักเวลาเข้าโค้ง

     สำหรับคันนี้เป็นรถปี 1961 เรียกว่าตัวไมเนอร์เชนแล้ว เป็นรถที่ที่มีเสน่ห์มากสำหรับผม ความเก๋คือ เป็นรถที่เลือกใช้เป็นด้านหน้ารถเป็นประตูเข้า-ออก ทำให้กลายเป็นรถประตูเดียว แต่เป็นประตูบานใหญ่และวางเครื่องยนต์ ไว้ด้านท้ายรถ

      ตั้งแต่ได้มามีคนมาขอซื้อรถผมเยอะมาก ให้ราคามากกว่าที่ผมซื้อมา 4-5 เท่า ขนาดภรรยาฟังแล้วยังตกใจ แต่มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดที่จะขาย เพราะมันมีความรู้สึกว่ารถคันนี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่ผมหามาด้วยการสะสมเงินด้วยตัวผมเอง เป็นภาพความสำเร็จของชีวิตผมในแต่ละก้าวย่าง

      แม้ทุกวันนี้ด้วยภารกิจการงานที่รัดตัวทำให้อาจไม่ค่อยได้ขับ แต่ถ้ามีเวลาคุณภัทรก็จะยังหาโอกาสใช้ BMW Isetta 300 ไปไหนมาไหนอยู่ “ถ้าเครื่องยนต์ดี ไฟแบตเตอรี่เหลือเป็นใช้ได้ ไม่ต้องดูแลอะไรมากมาย ส่วนการดูแลสภาพตัวถังรถก็ไม่เอารถไปตากแดดตากฝน พยายามรักษาสภาพรวมรถให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

     ถ้าจะให้นิยามรถคันนี้ มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของตัวผมไปนานหละ..ทุกวันนี้ใครเห็นรถคันนี้ก็จะนึกถึงผม ไปมีทติ้งงานไหนๆ คนก็จะมาดูแล้วก็มาคุยกับผมด้วย เพราะเหตุนี้มันก็เลยกลายเป็นเอกลักษณ์ ไปแล้ว คุณภัทรพูดปิดท้ายกับเราอย่างอารมณ์ดี..

 

 

ABOUT BMW Isetta (อิเซทต้า) เป็นรถ Micro Car ออกแบบและผลิตครั้งแรกในปี 1953 โดยบริษัท ISO Autoveicoli S.p.A. เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เดิมทีบริษัทนี้ผลิตตู้เย็นและรถสกู๊ตเตอร์

     BMW Isetta เคยสร้างความสำเร็จเป็นรถที่ขายดีที่สุดในโลกมาแล้ว ซึ่งมาจากแนวคิดที่นอกกรอบกระทั่งกลายเป็นความสำเร็จในช่วงปี 1953-1961

     BMW Isetta ใช้เครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซค์ขนาด 236 CC ทำความเร็วจาก 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา 30 วินาที ไม่มีข้อมูลอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะมันวิ่งเร็วสุดได้เพียง 75 กิโลเมตร/ชั่วโมง เห็นคันเล็กๆ แบบนี้แต่ดีกรีไม่ธรรมดา เพราะเคยลงแข่งขันระยะทางไกลกว่า 1,600 กิโลเมตร ในรายการ Mille Miglia ที่ถือว่าเป็นการแข่งขันที่เป็นตำนานของโลกมอเตอร์สปอร์ตมาแล้ว ผลจากการแข่งในครั้งนั้นยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นกับสมรรถนะที่ต่างจากตัวถังที่ดูน่ารักอย่างสิ้นเชิง จนประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปหลายประเทศ พยายามจะขอซื้อ License เพื่อไปผลิตในเองประเทศของตน